“สมชัย” ไม่ขอวิจารณ์คุณสมบัติ “บิ๊กตู่-อุ๊งอิ๊งค์” คู่ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีสมัยหน้า
“สมชัย”ไม่ขอวิจารณ์คุณสมบัติ “บิ๊กตู่-อุ๊งอิ๊ง” หากได้รับการเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกฯ ชี้ขึ้นอยู่กับประชาชน
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะสมาชิกพรรคเสรีรวมไทยไม่ขอวิจารณ์คุณสมบัตินายกรัฐมนตรีหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาและนางสาวแพทองธาร ชินวัตร ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่มองว่าพล.อ.ประยุทธ์ เหนือกว่าเนื่องจากมีประสบการณ์ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน แต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับประชาชน ขณะที่น.ส.แพทองธาร ไม่มีประสบการณ์ แต่อาจจะมีทีมงานที่ดี ทั้งนี้อาจจะมีการหยิบโมเดล 49 วัน ในการเป็นนายกรัฐมนตรีของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ใช้ได้หรือไม่ ตนมองว่ายิ่งกว่าได้ พร้อมมองว่า การที่นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี มาเป็นผู้อำนวยการพรรคเพื่อไทยคนใหม่ น่าจะมีกลยุทธ์ที่ดี เพราะเป็นคนหนึ่งที่มีความคิดเฉียบแหลม
สำหรับเงื่อนไข 8 ปี ในการเป็นนายกรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ ตนมองว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องหลักในการที่พรรคการเมืองอื่นจะนำไปใช้ในการหาเสียงและเชื่อว่าจะไม่มีการส่งศาลรัฐธรรมนูญแต่การที่ทำให้ไม่ชัดเจนก็จะเป็นการประเด็นในการโจมตีพล.อ.ประยุทธ์ได้ เว้นแต่พล.อ.ประยุทธ์จะไปยื่นตีความเองเท่านั้น
“สมชัย” เชื่อเพื่อไทยคิดดีแล้ว เปิดตัว”อุ๊งอิ๊งค์” ชูลูกสาว”ทักษิณ” ตั้งเป้าพาพ่อกลับบ้าน ดึงคะแนนความนิยมจากประชาชน
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ยังกล่าวถึง การเปิดตัว นางสาวแพทองธาร ชินวัตร กลับมาร่วมงานกับพรรคเพื่อไทย พร้อมตั้งเป้าหมายว่า จะพานายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับบ้าน ว่า การชูลูกสาวนายทักษิณ ก็อาจจะมีการประเมินแล้วว่านี่เป็นการเชื่อมโยงกับนายทักษิณและอาจจะน่ามีโอกาสได้คะแนนความนิยมจากประชาชนมากขึ้นแต่ในขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า อาจจะมีคนเห็นต่างเรื่องจากการทำงานของนายทักษิณมาแล้ว แต่เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยคิดมาดีแล้วว่าจะเป็นผลบวกมากกว่าผลลบ
แต่มีความเห็นว่าประเด็นที่สำคัญไม่ใช่การนำ นายทักษิณกลับมา แต่เป็นนโยบายที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพัฒนาบ้านเมืองให้ดีขึ้นมากกว่าการนำตัวบุคคลมาประเด็นชี้นำ แต่หากนายทักษิณจะกลับมา ก็ต้องกลับมาให้ถูกต้องตามกฎหมายไม่ใช่ใช้กฎหมายนิรโทษกรรมเพื่อให้กลับคืนสู่ประเทศไทยอย่างนั้นบ้านเมืองก็จะไม่สงบเช่นเดิม
ส่วนจะนำไปสู่ความขัดแย้งแบบเดิมๆ หรือไม่นั้น ตนมองว่าอย่าไปมองว่าเป็นคนของใคร เพราะปกติแล้วแต่ละจังหวัดก็มีการส่งต่อรุ่นสู่รุ่น คนรุ่นนี้เข้ามามีบทบาททางการเมือง มีความตั้งใจทุ่ม มุ่งมั่นควรสนับสนุน และควรนำบทเรียนในอดีตมาเรียนรู้และหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดขึ้นอีก
“สมชัย”ไม่แปลกใจพรรคการเมืองเริ่มขยับ ชี้ทุกพรรคเห็นแล้วรัฐบาลไม่น่าจะอยู่ครบวาระ มองแค่กำลังหาช่วงที่ได้เปรียบยุบสภาเลือกตั้งใหม่
นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง ในฐานะสมาชิกพรรคเสรีรวมไทย ยังกล่าวอีกว่า ถึงการประชุมใหญ่ของแต่ละพรรคและความขัดแย้งของพรรคพลังประชารัฐว่าเป็นจังหวะที่ทุกพรรคการเมืองเห็นถึงการเลือกตั้งใกล้มากขึ้น แต่ละพรรคก็คงประเมินว่ารัฐบาลนี้ไม่น่าจะอยู่ครบวาระ แต่จะใช้จังหวะไหนในการยุบสภาเพื่อให้มีการเลือกตั้ง วันนี้จึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลที่ต้องประเมินเพื่อหาจังหวะที่คิดว่าตัวเองจะได้ประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นทุกพรรคจึงมีการเตรียมการเปิดตัวปรับทัพในการปรับโครงสร้าง รวมทั้งหากลยุทธ์วิธีการในการที่จะทำให้ประชาชนให้ความสนใจหรือมีความชื่นชมในพรรค
ไม่แปลกที่พรรคการเมืองต่างๆ จะมีการประชุมใหญ่ และมีการเปิดประชุมใหญ่ในพื้นที่ของภาคอีสานเพราะสมรภูมิสำคัญในการที่จะแย่งชิงจำนวนส.ส. ถ้าชนะในภาคอีสานก็หมายความว่าโอกาสที่จะชนะในภาพรวมก็จะมีมากที่สุด ในขณะที่พรรคอื่นๆ มีความพร้อมในการเปิดแต่พรรคพลังประชารัฐเองกลับแสดงให้เห็นแสดงจุดอ่อน ในความขัดแย้งกันภายในพรรค
ดังนั้นจากการเปลี่ยนแปลงกติกาการเลือกตั้งเป็นบัตร 2 ใบพรรคใหญ่ได้เปรียบแน่นอนทั้งพรรคพลังประชารัฐและพรรคเพื่อไทยโดยมองว่าเพื่อไทยได้เปรียบมากกว่า ส่วนพรรคขนาดกลางนั้นก็ต้องมีการจัดเตรียมยุทธศาสตร์ ในการมุ่งไปสู่เขตมากขึ้น อย่างพรรคก้าวไกลก็ลงพื้นที่และเปิดให้ส.ส.เขตลงพื้นที่มากขึ้น ส่วนพรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทยก็มีพื้นที่ของตัวเองอยู่แล้ว