สาววัย 19 ขับรถตู้ชนเหล็กกั้นตกร่องถนน ญาติดับ 4 เจ็บ 8 เพิ่งเปลี่ยนกันขับแต่หลับใน
สาววัย 19 ขับรถตู้ชนเหล็กกั้นตกร่องกลางถนน ญาติดับ 4 เจ็บ 8 เพิ่งเปลี่ยนกันขับแต่หลับใน ยอมรับไม่เคยขับรถทางไกลมาก่อน
(1 พ.ย.64) เวลา 04.22 น. ร.ต.อ.ชัยโรจน์ ธีระวรรณวัชร์ รอง สว. สอบสวน สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี ได้รับแจ้ง เกิดอุบัติเหตุมีรถตู้ชนเหล็กรั้วกั้นเกาะกลางถนน ทำให้พลิกคว่ำตกร่องกลางถนนมิตรภาพ (อุดรธานี –ขอนแก่น) ขาเข้าเมืองอุดรธานี อยู่ที่บริเวณบ้านโนนจำปา หมู่5 ตำบลตูมใต้ อ.กุมภวาปี ก่อนถึงทางโค้งบ้านปะโค มีผู้บาดเจ็บและถูกรถทับเสียชีวิต จำนวนหลายราย จึงพร้อมด้วย แพทย์เวร รพ.กุมภวาปี รถกู้ชีพ ,รพ.กุมปวาปี ,รถกู้ชีพ อบต.ปะโค ,อาสากู้ภัยมูลนิธิประชาธรรม และอาสากู้ภัยทางหลวงอุดรธานี รุดไปตรวจสอบ
ในที่เกิดเหตุพบรถตู้โตโยต้า สีบรอนซ์ ทะเบียน 1นข- 6916 กทม. พลิกคว่ำหงายท้องล้อชี้ฟ้า หลังชนเหล็กกั้นเกาะกลางถนน สภาพรถพังยับเยิน พบผู้บาดเจ็บส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวดติดอยู่ในรถ เจ้าหน้ารีบเข้าช่วยเหลือนำผู้บาดเจ็บ 8 คนออกมานำส่งโรงพยาบาลกุมภวาปี ทั้งหมดเป็นชาว อ.นาทม จ.นครพนม
นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตกระเด็นออกมานอกรถ และถูกรถทับเสียชีวิต 4 ราย ทราบชื่อภายหลังว่า นายเกียรติศักดิ์ อายุ 24 ปี ,น.ส.หอมไกล อายุ 47 ปี ,น.ส.นิภาพรรณ อายุ 25 ปี และนายภักดี อายุ 47 ปี อาสากู้ภัยฯ ได้ใช้เครื่องมือตัดถ่างนำศพผู้เสียชีวิตออกมา ไปไว้ที่ รพ.กุมภวาปี เพื่อรอให้ญาติมารับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ส่วนรถตู้มรณะ ตำรวจได้ยกลากไปเก็บรักษาไว้ที่โรงพัก
ร.ต.อ.ชัยโชจน์ ธีระวรรณวัชร์ รอง สว.(สอบสวน) สภ.กุมภวาปี จ.อุดรธานี เปิดเผยว่า จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า รถตู้คันดังกล่าว โดยขับรถจาก จ.นครพนม ไปรับญาติพี่น้อง ซึ่งทำงานอยู่ในกรุงเทพฯ เพื่อกลับมาเกี่ยวข้าวที่บ้าน จ.นครพนม ซึ่งมีการสลับกันขับรถตู้ โดย น.ส.ชุลีพรฯ เป็นคนขับคนที่ 3 พอมาถึงจุดเกิดเหตุและเกิดหลับใน ทำให้รถเสียหลักชนเหล็กกั้นถนนรถตกลงร่องกลางถนนพลิกหงาย ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตดังกล่าว ซึ่ง น.ส.ชุลีพร ก็ยอมรับสารภาพว่าก่อนเกิดเหตุมีอาการง่วงและหลับในจริง
โดยจุดเกิดเหตุ พบราวเหล็กกั้นเกาะกลางถนนพังเสียหายราว 30 เมตร และเศษซากชิ้นส่วนรถ และรอยกองเลือดแห้งอยู่บนถนน และสังเกตว่าก่อนถึงจุดเกิดเหตุประมาณ 1.5 ก.ม. ซึ่งเป็นทางลงเนินยาวและเป็นทางโค้งคดเคี้ยวแต่ไม่มาก ก่อนที่จะถึงทางโค้งบ้านปะโค ราว 200 เมตร ที่จุดนี้มักจะเกิดอุบัติเหตุและมีคนเสียชีวิตบ่อยครั้ง
จากการสอบถาม นายปริญญา อายุ 39 ปี เจ้าของอู่ซ่อมรถยนต์ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจุดเกิดเหตุ บอกว่า ขณะตนตื่นและกำลังจะไปทำธุระส่วนตัวเข้าห้องน้ำ ได้ยินสียงรถยนต์ชนเหล็กราวกั้นเสียงดังสนั่น จึงรีบวิ่งออกไปดูพบผู้บาดเจ็บร้องขอความช่วยเหลือเสียงดังระงม ตนจึงรีบโทรศัพท์แจ้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้การช่วยเหลือ ผู้บาดเจ็บนำส่ง รพ.กุมภวาปี และช่วยเหลือผู้เสียชีวิตที่ถูกหลังคารถทับออกมาทั้ง 4 ศพ คาดว่าคนขับคงหลับใน เพราะเป็นช่วงเวลาประมาณ 04.00 น.
อยากฝากเตือนผู้ใช้รถใช้ถนน ควรตรวจสอบสภาพรถให้พร้อมใช้งาน รวมถึงคนขับก็ต้องพร้อมด้วยเช่นกัน เนื่องจากผู้โดยสารหรือคนที่มาด้วยได้ฝากชีวิตไว้กับคนขับเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าจุดเกิดเหตุจะไม่ค่อยเกิดอุบัติเหตุ โดยส่วนมากจะไปเกิดขึ้น บริเวณทางโค้งบ้านปะโค ที่อยู่ห่างไปราว 200 เมตร และจะมักจะมีผู้เสียชีวิตอยู่บ่อยครั้ง
น.ส.ชุลีพ คนขับรถตู้ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุตนและสามีขับรถตู้ไปรับญาติพี่น้องทำงานอยู่ที่ อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เพื่อกลับบ้านไปช่วยกันเกี่ยวข้าวที่ จ.นครพนม และได้เปลี่ยนกันขับรถสลับกัน เริ่มจากที่ อ.บางใหญ่ พี่ชายคือนายเกียรติศักดิ์ ที่เสียชีวิตเป็นคนขับคนแรก เนื่องจากพวกตนไม่ชินเส้นทางใน กทม. กระทั่งมาถึงแยกรังสิต พี่ชายจึงให้แฟนของตน คือนายสิทธิโชค เป็นคนขับ คนที่ 2 มาจนถึง อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น โดยแฟนเกิดอาการง่วงและอ่อนเพลีย และเปลี่ยนให้ตนเป็นคนขับคนที่ 3
กระทั่งมาถึงจุดเกิดเหตุรู้สึกว่ามีอาการง่วง และเผลอหลับในหลังจากลงเนินแล้วเป็นทางโค้ง มารู้สึกตัวอีกทีก็รถชนเหล็กราวกั้นเกาะกลางถนนแล้ว ทำให้ตนและสามีบาดเจ็บเล็กน้อย ส่วนพี่ชายและญาติรวม 4 คน ถูกรถทับเสียชีวิต รู้สึกเสียใจกับเหตุอุบัติเหตุครั้งนี้ ที่ผ่านมาตนก็ได้ขับรถตู้ไปทำธุระในตัวเมือง จ.นครพนม อยู่บ่อยครั้ง แต่ไม่เคยขับรถทางไกลแบบนี้ และเป็นครั้งแรกก็เกิดอุบัติเหตุสูญเสียพี่ชาย พี่สะใภ้ และญาติ
เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหา น.ส.ชุลีพร สัมฤทธิ์ คนขับ ว่า ขับรถโดยประมาท ทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และเสียชีวิต , ทรัพย์สินทางราชการเสียหาย เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป