ผบ.ตร.นำแถลงสั่งฟ้องแก๊งอดีตผู้กำกับโจ้ เอาผิด 4 ข้อหา อายัดทรัพย์ 131 ล้าน

ผบ.ตร.นำแถลงสั่งฟ้องแก๊งอดีตผู้กำกับโจ้ เอาผิด 4 ข้อหา อายัดทรัพย์ 131 ล้าน

ผบ.ตร.นำแถลงสั่งฟ้องแก๊งอดีตผู้กำกับโจ้ เอาผิด 4 ข้อหา อายัดทรัพย์ 131 ล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ผบ.ตร. นำแถลงคดีผู้กำกับโจ้ เตรียมส่งสำนวนสั่งฟ้อง 7 นายตำรวจร่วมแก๊ง ทั้งหมด 4 ข้อหา ขณะนี้อายัดทรัพย์ที่เกี่ยวข้องมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 131 ล้านบาท

ความคืบหน้าคดี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ "ผู้กำกับโจ้" อดีตผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองนครสวรรค์ และทีมอดีตชุดปราบปรามยาเสพติด จ.นครสวรรค์ ก่อเหตุใช้ถุงดำคลุมศีรษะ นายจิระพงศ์ หรือมาวิน ผู้ต้องหาคดียาเสพติด อ้างเพื่อเค้นข้อมูลจนเสียชีวิต เหตุเกิดที่ สภ.เมืองนครสวรรค์ เมื่อ 5 สิงหาคม 2564 มีภาพวงจรปิดขณะก่อเหตุเผยแพร่ในโลกออนไลน์ จนนำไปสู่การออกหมายจับและจับกุมตัว “อดีตผู้กำกับโจ้” และพวก 

ล่าสุดวันนี้ (2 พ.ย.) พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) พร้อมด้วย พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. ร่วมกันแถลงว่า คดีนี้ตำรวจสรุปสำนวน และจะส่งสำนวนสั่งฟ้อง พ.ต.อ.ธิติสรรค์ และพวกรวม 7 คน โดยจะส่งสำนวนให้อธิบดีอัยการสำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ในช่วงบ่ายพรุ่งนี้ (3 พ.ย. 64)

พล.ต.อ.สุชาติ เปิดเผยว่า คดีนี้มี นางสาวจันทร์จิรา แม่ของนายมาวิน และ พ.ต.อ.สุทธินันท์ คงแช่มดี พนักงานสอบสวน เป็นผู้กล่าวหา มีผู้ต้องหา 7 คน ประกอบด้วย

1. พันตำรวจเอก ธิติสรรค์ อุทธนผล
2. พันตำรวจตรี รวีโรจน์ ดิษทอง
3. ร้อยตำรวจเอก ทรงยศ คล้ายนาค
4. ร้อยตำรวจโท ธรณินทร์ มาศวรรณา
5. ดาบตำรวจ วิสุทธิ์ บุญเขียว
6. ดาบตำรวจ ศุภากร นิ่มชื่น
7. สิบตำรวจตรี ปวีณ์กร คำมาเร็ว

“คดีนี้ สอบสวนพยาน 35 ปาก พยานเอกสารจำนวน 14 รายการ วัตถุพยานจำนวน 7 รายการ คณะพนักงานสอบสวนลงความเห็นสั่งฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 7 คน ฐานความผิด (1.) เป็นเจ้าพนักงานร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต (2.) เป็นเจ้าพนักงานของรัฐร่วมกันปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติอย่างใดในตำแหน่งหรือหน้าที่หรือใช้อำนาจในตำแหน่งหรือหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต (3.) ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยทรมานหรือโดยกระทำทารุณโหดร้าย (4.) ร่วมกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใด ไม่กระทำการใด หรือจำยอมต่อสิ่งใดโดยทำให้กลัวว่าจะเกิดอันตรายต่อชีวิต ร่างกาย เสรีภาพ ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของผู้ถูกข่มขืนใจนั้นเองหรือของผู้อื่นหรือโดยใช้กำลังประทุษร้ายจนผู้ถูกข่มขืนใจต้องกระทำการนั้น ไม่กระทำการนั้นหรือจำยอมต่อสิ่งนั้น” รอง ผบ.ตร. ระบุ

ทั้งนี้ รอง ผบ.ตร.กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับคดีรถหรูของอดีต ผกก.โจ้ ที่จับกุมเป็นรถเถื่อนส่งศุลกากร จำนวนกว่า 400 คัน นั้นคืบหน้า 80% แล้ว พบพิรุธทั้งการจับกุมรถที่ไม่มีที่มาที่ไป พิรุธเรื่องการรับสินบนนำจับ ขณะนี้กำลังขยายผล คดีนี้มีผู้เกี่ยวข้องหลายคนทั้งคนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของอดีต ผกก.โจ้ ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ศุลกากร

นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุชาติ กล่าวอีกด้วยว่า ในคดีของ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ตำรวจและ ปปง. ได้อายัดทรัพย์ของอดีตผู้กำกับโจ้ ที่สันนิษฐานว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ทั้งคฤหาสน์ ย่านบางชัน มูลค่า 57 ล้านบาท รถ 24 คัน ประเมินราคา 70 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 1 ยูนิต 1.5 ล้านบาท ปืน 18 กระบอก 720,000 บาท รวม 131 ล้านบาท ขณะที่อดีต ผกก.โจ้ มีหนี้สิน 76.63 ล้านบาท ทำให้เหลือทรัพย์สิน ประมาณ 53.4 ล้านบาท

ด้าน พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เปิดเผยถึงการพิจารณาลงโทษทางวินัยอดีต ผกก.โจ้ และพวก ว่า ในการพิจารณาโทษทางวินัยร้ายแรงว่าจะปลดออกหรือไล่ออกนั้น ยังอยู่ในกระบวนการพิจารณา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook