พรรคไทยพัฒนา ไม่มีจริง! มือดีทำป่วนใส่ชื่อคนดังเพียบ เตือนใครแอบอ้างระวังโทษคุก-ปรับ

พรรคไทยพัฒนา ไม่มีจริง! มือดีทำป่วนใส่ชื่อคนดังเพียบ เตือนใครแอบอ้างระวังโทษคุก-ปรับ

พรรคไทยพัฒนา ไม่มีจริง! มือดีทำป่วนใส่ชื่อคนดังเพียบ เตือนใครแอบอ้างระวังโทษคุก-ปรับ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สำนักงาน กกต. ตรวจสอบไม่พบ "พรรคไทยพัฒนา" อยู่ในระบบ หลังโลกโซเชียลแชร์ภาพคนดังร่วมวงเพียบ เตือนใครทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นพรรคการเมือง มีโทษทั้งจำทั้งปรับ

วันนี้ (2 พ.ย.) เกิดกระแสฮือฮาในโลกออนไลน์ เมื่อมีการแชร์เอกสารการตั้งพรรคการเมืองภายใต้ชื่อ "พรรคไทยพัฒนา" พร้อมแจกแจงรายชื่อหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรค ซึ่งพบว่าเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในแวดวงการเมือง อดีตข้าราชการระดับสูง รวมถึงศิลปินนักร้องนักแสดงชื่อดังจำนวนมาก ทำเอาผู้คนที่ได้เห็นต่างกันวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง

ทั้งนี้ บุคคลในแวดวงการเมือง นักธุรกิจ ศิลปิน ดารานักแสดง ที่ถูกอ้างชื่อให้ดำรงตำแหน่งในพรรคไทยพัฒนา อาทิ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เป็นหัวหน้าพรรค นายวิรไท สันติประภพ นายยืนยง โอภากุล เป็นรองหัวหน้าพรรค นายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เป็นเลขาธิการพรรค พล.อ.ธรรมนูญ วิถี พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ร.ต.อ.สงกรานต์ เตชะณรงค์ นางนวลพรรณ ล่ำซำ น.ส.เขมนิจ จามิกรณ์ นายเจษฎาภรณ์ ผลดี เป็นกรรมการบริหารพรรค

ซึ่งในเวลาต่อมา บุคคลหลายคนที่ถูกอ้างชื่อดังกล่าว ได้ออกมาโพสต์ในโซเชียลมีเดียว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคไทยพัฒนาแต่อย่างใด

thai-pattana-party-name-list

อย่างไรก็ตาม เมื่อตรวจสอบกับสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) ที่เป็นผู้รับจดจัดตั้งพรรค พบว่า ไม่มีชื่อพรรคดังกล่าวอยู่ในระบบพรรคการเมืองที่กำลังดำเนินกิจการ โดยชื่อพรรคไทยพัฒนา เคยมีการยื่นขอจดจัดตั้ง แต่ถูกยุบไปและพ้นระยะเวลา 20 ปีแล้ว ดังนั้น หากมีการยื่นขอจดตั้งพรรคใหม่ในชื่อดังกล่าวก็สามารถทำได้ แต่ขณะนี้ไม่พบว่ามีใครมายื่นขอจดตั้งเป็นพรรคการเมือง

นอกจากนี้ ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ. 2560 มาตรา 32 บัญญัติว่า ห้ามมิให้ผู้ใดซึ่งไม่ใช่พรรคการเมือง ใช้ชื่อ ชื่อย่อ ภาพเครื่องหมายของพรรคการเมือง หรือถ้อยคำในประการที่น่าจะทำให้ประชาชนเข้าใจว่าเป็นพรรคการเมือง หรือใช้ชื่อที่มีอักษรไทยประกอบว่าพรรคการเมือง หรืออักษรต่างประเทศ ซึ่งแปลหรืออ่านว่าพรรคการเมือง หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับตามมาตรา 110

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook