ผบช.น.ฉุนจวกบิ๊กตร.ไม่อยู่จุดคุมสนามหลวง
ผบช.น. " ฉุนขาด " จวกยับ " บิ๊กตำรวจ " ไร้วินัยขาดความรับผิดชอบ ไม่เข้าประจำจุดดูแลความสงบเรียบร้อยท้องสนามหลวง ตามที่สั่งการ หย่อนยานเอาใจใส่พื้นที่ จนปล่อยให้เกิดเหตุระเบิด เร่งควานหาตัวผู้รับผิดชอบ " พิจารณาโทษ "
เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 16 พฤศจิกายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการประชุมบริหารประจำเดือนซึ่งมีนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น. จนถึง ผกก. ทุกหน่วยงานในสังกัดนครบาลเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียงโดยมีการเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิดบริเวณท้องสนามหลวงซึ่งดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด
พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. ได้กล่าวตำหนินายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบการควบคุมกำลังพลผู้ปฏิบัติในจุดต่างๆทั้งชั้นนอกและชั้นในบริเวณที่มีการชุมนุมว่า ไม่ใส่ใจในการดูแลพื้นที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ไม่มีระเบียบวินัยในการทำงาน ไม่มีจิตวิญญาณในการเป็นตำรวจป้องกันเหตุ ทั้งที่มีการกำชับให้มีการปฏิบัติตามแผนมาโดยตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นก็กลับเพิกเฉยทำให้พบความผิดพลาดและบกพร่องในการทำงานหลายอย่างโดยเฉพาะเรื่องการควบคุมสั่งการที่ล้มเหลวทางวิทยุไม่สามารถติดต่อ
"การปฏิบัติงานครั้งนี้มีนายตำรวจในเครื่องแบบ 1,500 นาย นอกเครื่องแบบอีก 450 นาย ผมได้สั่งให้เอารถ 191 ไปจอดตามจุดที่คิดว่าจะมีคนก่อเหตุและเป็นจุดล่อแหลมแต่ก็ไม่มีใครทำตามคำสั่ง เพราะหากทำตามที่สั่งเมื่อเกิดเหตุร้ายก็เชื่อว่าจะต้องจับคนร้ายได้ทันที แต่กลับกลายเป็นว่าจุดที่เกิดเหตุไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่เลย จะสั่งการอะไรก็ทำไม่ได้แม้แต่ระดับ ผกก.ก็ไม่เห็นหัว มัวแต่ไปอาบอบนวดกันอยู่หรืออย่างไร " ผบช.น.กล่าวตำหนิในที่ประชุมด้วยความไม่พอใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผบช.น.ยังกล่าวถึงช่วงที่ตนเองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า พบชายเสียสติถูกจับกุมพร้อมปืนปลอม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ก่อเหตุจึงรุมประชาฑัณน์ ตรงนี้ไม่มีตำรวจเข้ามาดูแล มีแต่ตนเองและนายตำรวจอีกคนหนึ่งเท่านั้นที่พยายามเข้าไปกันประชาชน ขณะที่เหลือบไปเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยหนึ่งที่มีประมาณ 30 นายยืนมองอยู่ไกลๆ แต่ไม่ยอมเข้ามาช่วยเหลือ ตนจึงตะโกนต่อว่าถึงจะรีบวิ่งเข้ามากัน
ผบช.น. ระบุในที่ประชุมว่า จากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ขอให้เป็นบทเรียนในการปฏิบัติงานครั้งต่อไป ให้เน้นการสั่งการ และการตรวจปฏิบัติงาน และแผนที่เป็นสิ่งที่สำคัญมากเมื่ถามว่าเกิดเหตุที่ไหน ห่างจากบริเวณนี้เท่าไหร่ ต้องสามารถชี้บอกตำแหน่งได้ทันทีเพื่อจะได้ไม่เกิดความบกพร่องอีก และจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะยิง เอ็ม 79 จากบริเวณศาลหลักเมือง โดยวิเคราะห์จากการวัดมุมยิง ซึ่งคาดว่าจะสืบหาตัวคนก่อเหตุได้ในเร็วๆนี้