น.1จวกแหลกตำรวจคุมม็อบ

น.1จวกแหลกตำรวจคุมม็อบ

น.1จวกแหลกตำรวจคุมม็อบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"วรพงษ์" หัวเสียตำรวจระดับบิ๊กถึงประทวน ดูแลม็อบห่วย จัดการเหตุไร้ประสิทธิภาพจนเกิดเหตุบึ้ม พธม.เจ็บ 12 ราย อัด ระดับผกก.ยังไม่โผล่มัวไปอาบอบนวดอยู่หรืออย่างไร เผย หลังตรวจที่เกิดเหตุซ้ำ เจอหลักฐานเชื่อมคนร้ายใช้เครื่องยิงเอ็ม 79 ใส่ลูกซ้อมยิงจากบริเวณศาลหลักเมือง สั่งจนท.เก็บเศษสะเก็ด-วัดระยะยิง คาดคนใช้อาวุธน่าจะเป็นทั้งกลุ่มมีสี-คนทั่วไป "ปทีป" เร่งรัดคดีเป็นพิเศษ ลั่นคุมม็อบตามแผน "สุเทพ" กำชับตำรวจดูเหตุบึ้มพธม.เป็นพิเศษ พร้อมรับคำตำหนิไม่ประกาศพ.ร.บ.ความมั่นคงฯ "ประวิตร-อนุพงษ์" ประสานเสียงไม่มีทหารเกี่ยวข้องเหตุบอมบ์เสื้อเหลือง ส่วนส.ว.ข้องใจรัฐบาล 2 มาตราฐานคุมม็อบเหลือง-แดง "ทักษิณ" ทวิตเตอร์ประฌามคนก่อเหตุ "นพดล-พัลลภ" การันตีแดงไม่เกี่ยว "ยะใส" ได้ทีดักคอกองทัพอย่างเพิ่งปฏิเสธ จี้ตำรวจเร่งทำคดี

จากกรณีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จัดการชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวง เพื่อแสดงพลังในการปกป้องสถาบันและประเทศ โดยมีบรรดาแกนนำคนสำคัญ ของพันธมิตรฯมาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยกัน ครบครัน มีกำลังตำรวจกว่า 1 พันนายดูแลความสงบเรียบร้อย ซึ่งการชุมนุมในช่วงเย็นถึงหัวค่ำผ่านพ้นไปด้วยดีแต่ปรากฏว่าในช่วงประมาณ 3 ทุ่ม ระหว่างที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำคนสำคัญ ขึ้นเวทีปราศรัยเกิดมีเสียงระเบิดดังขึ้นที่เวทีทำให้มีคนบาดเจ็บ 12 ราย รักษาตัวที่ รพ.กลาง 11 คน รักษาที่ รพ.วชิรพยาบาล 1 คน และสร้างความแตกตื่นให้กับแกนนำและผู้ชุมนุม อย่างไรก็ตามทางกลุ่มพันธมิตรฯได้นัดชุมนุมกันอีกครั้งในวันที่ 5 ธ.ค.นี้ ที่ถนนราชวิถีถึงลานพระบรมรูปทรงม้า ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

* ตำรวจลุยตรวจหาหลักฐาน

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 16 พ.ย. พล.ต.ท.วรพงษ์ ชิวปรีชา ผบช.น. พร้อม พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รอง ผบช.น. พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 และ พ.ต.อ.วีรวิทย์ จันทร์จำเริญ รอง ผบก.น.1 นำเจ้าหน้าที่กลุ่มงานเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด เดินทางไปตรวจสอบบริเวณจุดเกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาร่องรอยหลักฐานเพิ่มเติมว่าระเบิด ที่คนร้ายใช้ก่อเหตุเป็นชนิดไหน ถูกขว้าง หรือยิงมาจากทิศทางใดแน่ เบื้องต้นพบว่าระเบิดที่คนร้ายใช้เล่นงานนั้น สามารถทำอันตรายกับกลุ่มผู้ชุมนุมในวงกว้างได้มากกว่า 10 คน คงไม่น่าใช่ทั้งประทัดยักษ์หรือระเบิดปิงปอง เนื่องจากบริเวณที่พื้นซีเมนต์มีหลุมลึกประมาณ 5 ซม. นอกจากนี้ยังมีรถกระบะ 2 คัน ถูกสะเก็ดระเบิดเสียหายที่กระจกและมีรูตามตัวถัง 8-10 รู

* สงสัยอาจยิงด้วย"เอ็ม79"

มีรายงานว่า ทางเจ้าหน้าที่กลุ่มงาน เก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด ได้กระจายกำลังออกตรวจสอบหาหลักฐานเพิ่มเติมอย่างละเอียดทั้งบันทึกภาพ และวัดระยะจุดเกิดเหตุ โดยใช้เครื่องเลเซอร์นำทางเน้นไปทางด้านริมคลองหลอด ห่างจากจุดที่พบหลุมระเบิดประมาณ 250-300 เมตร เนื่องจากมีรายงานความเป็นไปได้ว่าคนร้ายอาจจะมีการใช้เครื่องยิงแบบเอ็ม 79 ยิงลูกกระสุนผ่านมาทางด้านหลังของอาคารกรมพระธรรมนูญ โดยคนร้ายอาจจะใช้ "กระสุนซ้อม" ที่มีเสียงดังและอานุภาพไม่ร้ายแรงเท่าไรนัก ดังนั้นจึงต้องมีการวัดระยะเส้นทาง รวมทั้งทดลองทำมุมองศาด้วย เนื่องจากหากคนร้ายยิงข้ามอาคารจริง ต้องยิงด้วยวิถีโค้ง มุมประมาณ 50 องศา อย่างไรก็ดีต้องรอ พฐ. ผลตรวจสอบสะเก็ดระเบิดที่พบในตัวถังรถยนต์อีกครั้ง

* ยอดผู้ชุมนุมบาดเจ็บ12ราย

สำหรับยอดของผู้บาดเจ็บ 12 ราย ถูกส่งไปรักษาตัวที่ รพ.กลาง 11 คน ได้แก่ 1.นายวิวัธน์ จันทร์นวล อายุ 20 ปี 2.นายพรศักดิ์ ธนโสภามงคล 3.นายกฤษดา สินโฉมงาม อายุ 28 ปี 4.นายอรรณพ คณิตผาดิสสกุล อายุ 71 ปี 5.นายธนณัฏฐ์ เจือ พิทักษ์กุล อายุ 16 ปี 6.นายสมร พีระภาค อายุ 39 ปี 7.นายชัยวัฒน์ หวังจงมีชัยกุล อายุ 53 ปี 8.น.ส.รจนา คำมะวัน อายุ 30 ปี 9.น.ส.สุกานดา ขำศิริกุล อายุ 26 ปี 10. ด.ช.พันธุ์ชนะ มาสมพงษ์ อายุ 10 ขวบ และ ด.ช.ณัฐพล ชัยสมศรี อายุ 8 ขวบ

ทั้งนี้มี 2 รายที่ต้องเข้ารับการผ่าตัด คือ นายอรรณพ มีสะเก็ดระเบิดอยู่ภายในช่องท้อง และนายสมร ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ แพทย์ผ่าตัดช่วยเหลือจนพ้นขีดอันตรายแล้ว ส่วนอีก 1 คน ถูกส่งตัวไปรักษาที่ รพ.วชิระ ได้แก่ จ.ท.วันชัย รัตนไกรภพ อายุ 55 ปี

* น.1เชื่อบึ้มใช้เครื่องยิงเอ็ม79

พล.ต.ท.วรพงษ์ กล่าวว่า จากการประมวลหลักฐานทั้งหมดเชื่อว่าคนร้ายใช้เครื่องยิงระเบิดชนิด เอ็ม 79 ซึ่งมีพิสัยการยิงระยะไกลสูงสุดประมาณ 350 เมตร โดยยิงได้จากแนวราบและที่สูง เจ้าหน้าที่จากกองพิสูจน์หลักฐานได้ใช้เครื่องวัดระยะจากจุดที่ระเบิดตกเพื่อคำนวณหาจุดที่คนร้าย อาจใช้เป็นที่ซุ่มยิง สามารถวัดระยะได้ถึงริมสะพานคลองหลอด อย่างไรก็ตามอาวุธดังกล่าวเป็นอาวุธสงครามที่มีขั้นตอนการใช้ไม่ยุ่งยาก เป็นไปได้ที่ประชาชนจะมีไว้ใน ครอบครองได้ แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่าการก่อเหตุครั้งนี้หวังผลต่อชีวิตหรือไม่ ขณะนี้ได้สั่งการให้ช่างงัดแผ่นปูทางเท้าให้กองพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบหาหลักฐานตลอดจนเบาะแสเพิ่มเติมแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจได้นำช่างมาทำการงัดกระเบื้องที่เป็นรูจากแรงระเบิด 2 แผ่น ไปพิสูจน์หลักฐานเพิ่มเติม พร้อมกับได้มีการนำเครื่องแม่เหล็กมาทำการดูดหาสะเก็ดระเบิดเพื่อนำไปใช้ตรวจสอบต่อไป

* นครบาลประชุมถกคดีเครียด

ที่ห้องประชุมใหญ่ บช.น. เวลา 11.30 น. พล.ต.ท.วรพงษ์ ได้เรียกประชุมนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนหารือร่วมกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้วัตถุระเบิดชนิดเอ็ม 79 เพื่อหาวิถี กระสุนและจุดที่คนร้ายยิงชัดเจน พร้อมรับฟังรายงานผลความคืบหน้าการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานที่ได้ประมวลเหตุการณ์ใช้เป็นแนวทางในการสืบสวนคลี่คลายคดี ท่ามกลางบรรยากาศที่เคร่งเครียด

* น.1จวกยับนายตำรวจห่วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในระหว่างการประชุมบริหารประจำเดือน ซึ่งมีนายตำรวจระดับ รอง ผบช.น. จนถึง ผกก.ทุกหน่วยงานเข้าร่วมอย่างพร้อมเพรียง โดยมีการเร่งรัดการสืบสวนสอบสวนคลี่คลายคดีระเบิด ที่บริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด พล.ต.ท.วรพงษ์ ได้กล่าวตำหนินายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่รับผิดชอบการควบคุมกำลังพลผู้ปฏิบัติในจุดต่าง ๆ ทั้งชั้นนอกและชั้นในบริเวณที่มีการชุมนุมว่าไม่ใส่ใจ ในการดูแลพื้นที่ตามที่ได้รับมอบหมาย ไม่มีระเบียบวินัยในการทำงาน ไม่มีจิตวิญญาณในการเป็นตำรวจป้องกันเหตุ ทั้งที่มีการกำชับให้มีการปฏิบัติตามแผนมาโดยตลอด แต่เมื่อเกิดเหตุขึ้นก็กลับเพิกเฉยทำให้พบความผิดพลาดและบกพร่องในการทำงานหลายอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการควบคุมสั่งการที่ล้มเหลวทางวิทยุไม่สามารถติดต่อได้

* อัดผกก.ไปอาบอบนวดหรือ?

"การปฏิบัติงานครั้งนี้มีนายตำรวจในเครื่องแบบ 1,500 นาย นอกเครื่องแบบอีก 450 นาย ผมได้สั่งให้เอารถ 191 ไปจอดตามจุดที่คิดว่าจะมีคนก่อเหตุและเป็นจุดล่อแหลมแต่ก็ไม่มีใครทำตามคำสั่ง เพราะหากทำตามที่สั่งเมื่อเกิดเหตุร้ายก็เชื่อว่าจะต้องจับคนร้ายได้ทันที แต่กลับกลายเป็นว่าจุด ที่เกิดเหตุไม่มีตำรวจประจำอยู่เลย จะสั่ง การอะไรก็ทำไม่ได้แม้แต่ระดับ ผกก. ก็ไม่เห็นหัว มัวแต่ไปอาบอบนวดกันอยู่หรืออย่างไร" ผบช.น. กล่าวตำหนิในที่ประชุมด้วยความไม่พอใจ

* ตร.ชุ่ย-ยิงจากศาลหลักเมือง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ผบช.น.ยังกล่าวถึงช่วงที่ตนเองเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า พบชายเสียสติถูกจับกุมพร้อมปืนปลอม แต่กลุ่มผู้ชุมนุมเข้าใจผิดคิดว่าเป็นผู้ก่อเหตุจึงรุมประชาทัณฑ์ ตรงนี้ไม่มีตำรวจเข้ามาดูแล มีแต่ตนเองและนายตำรวจอีกคนหนึ่งเท่านั้นที่พยายามเข้าไปกันประชาชน ขณะที่เหลือบไปเห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจหน่วยหนึ่งที่มีประมาณ 30 นาย ยืนมองอยู่ไกล ๆ แต่ไม่ยอมเข้ามาช่วยเหลือ ตนจึงตะโกนต่อว่าถึงจะรีบวิ่งเข้ามากัน

จากเหตุระเบิดที่เกิดขึ้น ขอให้เป็นบทเรียนในการปฏิบัติงานครั้งต่อไป ให้เน้นการสั่งการ และการตรวจปฏิบัติงาน และแผนที่เป็นสิ่งที่สำคัญมาก เมื่อถามว่าเกิดเหตุที่ไหน ห่างจากบริเวณนี้เท่าไหร่ ต้องสามารถชี้บอกตำแหน่งได้ทันทีเพื่อจะได้ไม่เกิดความบกพร่องอีก และจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุสันนิษฐานว่าคนร้ายน่าจะยิง เอ็ม 79 จากบริเวณศาลหลักเมือง โดยวิเคราะห์จากการวัดมุมยิง

* สุเทพกำชับตร.ดูคดีเป็นพิเศษ

ก่อนหน้านี้เวลา 08.45 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง เผยว่า ตนได้รับรายงานจาก พล.ต.ท.วรพงษ์ ตั้งแต่ช่วงเกิดเหตุว่าพบผู้ต้องสงสัย 2 ราย แต่ปรากฏว่าจากการสอบสวนเบื้องต้นอาจจะ ไม่ใช่ผู้ก่อเหตุและในช่วงเช้ากองพิสูจน์หลักฐานจะเข้าไปตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้งว่าระเบิดที่ใช้เป็นชนิดใด เพราะที่ทราบบริเวณสถานที่ระเบิดมีหลุมลึกซึ่งรุนแรงกว่าระเบิดปิงปอง ทั้งนี้ได้กำชับสั่งการ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. ให้ดูแลเอาใจใส่เรื่องนี้เป็นพิเศษ และยืนยันว่าตำรวจทำงานอย่างเต็มที่แล้ว เมื่อถามว่าประเมินหรือไม่ว่าอาจเป็นการสร้างสถานการณ์ให้เกิดความวุ่นวายขึ้นมาเอง นายสุเทพกล่าวว่า คงไม่ไปกล่าวหาจนกว่าจะมีพยานหลักฐาน ชัดเจน

เมื่อถามว่าได้ตรวจสอบจากกล้อง วงจรปิดบริเวณใกล้เคียงหรือไม่ นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีรายงาน หากพบผู้ต้องสงสัยก็คงดี และเมื่อถามว่ามีการวิจารณ์ว่าสาเหตุส่วนหนึ่งที่เกิดเหตุ เพราะรัฐบาลไม่ยอมประกาศ พ.ร.บ.ความมั่นคงฯ นายสุเทพ หัวเราะพร้อมกล่าวว่า ตนรักษาตามอาการของโรค โรคที่เบาก็กินแค่พาราฯ ต่อข้อถามว่าแต่มีเสียงวิจารณ์ว่าเป็นโรคหลายมาตรฐาน นายสุเทพ กล่าวว่า ตนพร้อมจะถูกตำหนิ อยู่แล้ว แต่คนที่ตำหนิตนมีมาตรฐานเดียวในใจก็จะเข้าใจ

* ยันเหตุบึ้มไม่เกี่ยวทหาร

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. กล่าวถึงกรณีที่นายสนธิ ระบุว่ามีทหารเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิด ว่า "ไม่มีครับ" ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว. กลาโหม กล่าวว่า ไม่มีทหารในราชการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดครั้งนี้ เมื่อถามว่ามีทหารนอกราชการเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.อ.ประวิตร ไม่ตอบคำถาม แต่ได้เดินเข้าห้องประชุมที่ทำเนียบรัฐบาลทันที

* ทักษิณทวิตประณามบึ้มพธม.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้โพสต์ข้อความผ่านทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์ถึงสมาชิกเป็นครั้งแรก หลังได้เดินทางออกจากประเทศกัมพูชาและกลับไปพำนักที่ดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เมื่อวันที่ 14 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ขอโทษที่หายไปหลายวันเพราะเดินทางและงานเยอะมาก ขอขอบคุณคนเสื้อแดงและ ส.ส.เพื่อไทยที่แวะไปเยี่ยมผมที่กัมพูชา ขอขอบคุณทุกท่านที่เข้าใจและห่วงใยผม"

นอกจากนี้ยังได้แสดงความเห็นต่อกรณีลอบปาระเบิดระหว่างมีการชุมนุม ของพันธมิตรฯ ที่ท้องสนามหลวง ด้วยว่า "ทราบเหตุระเบิดที่หลังเวทีพันธมิตรฯมีคนบาดเจ็บ ผมขอประณามผู้ที่เกี่ยวข้องกับ การวางระเบิดทั้งผู้ลงมือและผู้สั่งการ คนไทยด้วยกันอย่าทำร้ายกันเลย ผมเข้าไทย ไม่ได้ไม่ใช่เฉพาะเหยียบแผ่นดินเกิดเท่านั้น แม้กระทั่งน่านฟ้าไทยก็ห้ามผ่านเข้ามา เขาสั่งว่าถ้าผ่านมาให้ใช้ฝูงบินขับไล่บังคับให้บินลง"

* บึ้มม็อบไม่เกี่ยวแม้ว-นปช.

นายนพดล ปัทมะ อดีตที่ปรึกษากฎหมาย พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขอประฌามคนที่ดำเนินการสร้างความรุนแรงและก่อความวุ่นวายในประเทศไทย ดังนั้นขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเร่งดำเนินการสอบสวน และเอาตัวคนผิดมารับโทษให้ได้ อย่างไรก็ตามตนขอยืนยันว่าเหตุการณ์นี้พ.ต.ท.ทักษิณ และคนเสื้อแดงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย อย่างไรก็ตามประชาชนคงจะเดาได้ว่าเหตุการณ์นี้เป็นการสร้างสถานการณ์ขึ้น เพื่อมุ่งหมายโยงไปถึง พ.ต.ท.ทักษิณ แต่พ.ต.ท. ทักษิณ ไม่มีความคิดชั่ว ส่วนกรณีที่เครือข่ายประชาชนภาคตะวันออกเตรียมยื่นหนังสือให้รัฐบาลตั้งรางวัลนำจับพ.ต.ท. ทักษิณ 10 ล้านบาทนั้น พ.ต.ท.ทักษิณไม่ใช่อาชญากร แต่เป็นบุคคลที่ทำประโยชน์ให้กับประเทศชาติ แต่ถูกอำนาจมืดและกลุ่มพันธมิตรฯไล่ล่า ฉะนั้นคนที่ตั้งค่าหัวพ.ต.ท. ทักษิณ ถือว่าเป็นการกระทำที่สนับสนุนคนกระทำผิดหรือไม่

* พัลลภแจงถูกโยงไปเรื่อย

พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตรองผอ.กอ.รมน. กล่าวถึงกรณีที่แกนนำพันธมิตรฯระบุว่าเหตุระเบิด มีนายทหารที่เข้าพรรคเพื่อไทยอยู่ เบื้อง หลังว่าไม่ว่าใครไปทำอะไรก็มีชื่อตนเข้าไปเกี่ยวข้องตลอด แต่เมื่อคืนวันที่ 15 พ.ย. ที่ผ่านมา ตนทานข้าวกับ พล.ต.ต.มณเฑียร ประทีปะวณิช สมาชิกพรรค ซึ่งไม่ได้ไปไหน ทั้งนี้คงหาคนทำยากขนาดคดียิงนายสนธิ กลางถนนยังหาคนยิงไม่ได้เลย เหตุการณ์ครั้งนี้ตนไม่ได้ทำ ถ้าทำแล้วจะบอก วันนี้อยากเห็นบ้านเมืองมั่นคงไม่อยากเห็นสงคราม อยากเห็นบ้านเมืองสันติสุข

* ยะใสเชื่อคนมีสีเป็นผู้ก่อเหตุ

วันเดียวกัน เวลา 13.30 น. พญ.มาลินี สุขเวชชวรกิจ รองผู้ว่าฯกทม. เดินทางไปเยี่ยมผู้บาดเจ็บ 3 รายที่ยังรักษาตัวอยู่ที่รพ.กลาง คือ นายชัยวัฒน์ นายสมร และนายอรรณพ โดยพญ.มาลินี กล่าวว่า รู้สึกพอใจที่โรงพยาบาลและทีมแพทย์พยาบาลมีความพร้อม สามารถปฏิบัติการได้ อย่างทันท่วงทีตามแผนที่ได้วางไว้

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ กล่าวว่า พันธมิตรฯมีเงินกองทุนเยียวยาผู้บาดเจ็บจำนวนหนึ่ง ขณะ นี้ได้ประสานกับโรงพยาบาลเพื่อขอรายชื่อ ผู้บาดเจ็บทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ยังได้ประสานกับตำรวจตลอดเวลาเพื่อรับทราบความคืบหน้าของคดี หากคดีไม่มีความคืบหน้าหรือจับใครไม่ได้ก็ขอประณามตำรวจ ยุครัฐบาลนี้ว่าไม่ต่างจากรัฐบาลชุดที่แล้วที่เคยเกิดเหตุการณ์ยิงเอ็ม 79 เข้าไปในทำเนียบรัฐบาลหลายลูก แต่ยังไม่สามารถ จับตัวใครได้ ตนมั่นใจว่าเป็นการกระทำของมืออาชีพและปฏิบัติการครั้งนี้ต้องมีคนมีสีเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน นอกจากนี้อยากฝากถึงผบ.ทบ.ว่าอย่าเพิ่งออกมาปฏิเสธว่ากองทัพไม่เกี่ยวข้อง เพราะคดียิงนายสนธิ ที่ปัจจุบันหมายจับของตำรวจชุดสืบสวนกลับเป็นนายทหารเกือบทั้งหมด ทั้งที่กองทัพเคยออกมาปฏิเสธเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook