สธ.เผยจีนจ่อบริจาคซิโนแวคอีก 1.5 ล้านโดส เตรียมฉีดเข็ม 3 ฟรีให้กลุ่มได้ซิโนฟาร์ม 2 โดส
กระทรวงสาธารณสุขเผย วัคซีนสูตรไขว้ "ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า" ป้องกันติดเชื้อได้ 70% จีนเตรียมบริจาคซิโนแวคเพิ่ม 1.5 ล้านโดส สัปดาห์หน้ามีแอสตร้าฯ อีก 2 ล้านโดสและไฟเซอร์ 6 ล้านโดส เตรียมฉีดเข็ม 3 ฟรีให้กลุ่มได้ซิโนฟาร์ม 2 โดส
วันนี้ (5 พฤศจิกายน 2564) ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค แถลงสถานการณ์โรคโควิด 19 และผลการศึกษาประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อของวัคซีนโควิด 19 ว่า วันนี้ประเทศไทยมีผู้ป่วยโควิด 19 รักษาหาย 8,238 ราย มากกว่าติดเชื้อใหม่ที่พบ 8,148 ราย อาการรุนแรงและใส่ท่อช่วยหายใจลดลง ภาพรวมการติดเชื้อประเทศไทยลดลงอย่างช้าๆ โดย 4 จังหวัดชายแดนใต้พบว่า ยะลาและนราธิวาส ลดลงชัดเจน เชื่อว่าไม่เกิน 3 สัปดาห์สถานการณ์จะใกล้เคียงจังหวัดอื่น สงขลายังต้องจับตาอีก 1-2 สัปดาห์ ส่วนปัตตานียังไม่ลดลงชัดเจน ต้องขอความร่วมมือดำเนินการตามมาตรการควบคุมป้องกันโรค
ส่วนที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ นครศรีธรรมราช เชียงใหม่ ระยอง ตาก จันทบุรี และขอนแก่น และคลัสเตอร์ต่างๆ ทั้งเรือนจำ สถานศึกษา แคมป์คนงาน ค่ายทหาร ตลาด งานศพและกฐิน ทั้งนี้ หลังเปิดประเทศแล้ว หากไม่เข้มมาตรการต่างๆ หรือประชาชนและสถานประกอบการร่วมมือน้อย อาจมีการติดเชื้อสูงถึงวันละ 3 หมื่นราย แต่หากร่วมมือกันอย่างเข้มข้น แนวโน้มการระบาดจะลดลงตามที่คาดการณ์ไว้
สำหรับการฉีดวัคซีนโควิด 19 ฉีดสะสม 78,656,124 โดส เข็มที่หนึ่งครอบคลุมแล้วกว่า 60% ของประชากร ล่าสุดคณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรค มีการประชุมครั้งที่ 8/2564 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายนที่ผ่านมา รับทราบถึงประสิทธิผลการป้องกันการติดเชื้อ จากการใช้งานจริงโดยใช้ฐานข้อมูลห้องปฏิบัติการสถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง (สปคม.) ของผู้รับบริการเขต กทม. และข้อมูลการฉีดวัคซีนในระบบหมอพร้อมเมื่อเดือนกันยายน 2564 พบว่า แอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ป้องกันติดเชื้อ 54% สูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า ป้องกันติดเชื้อ 70% ถือว่ามีประสิทธิผลน่าพอใจ และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ กทม.ลดการระบาดได้ดี
สำหรับสัปดาห์หน้าจะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าส่งมอบอีก 2 ล้านโดส ซึ่งเป็นไปตามแผน และปลายเดือนนี้จะส่งครบตามที่กำหนด และไฟเซอร์ส่งเพิ่มอีก 6 ล้านโดส ดังนั้น สัปดาห์หน้าจะมี 8 ล้านโดส และได้รับการประสานจากประเทศจีนว่าจะบริจาคซิโนแวคให้ประเทศไทยอีก 1.5 ล้านโดส
นอกจากนี้ คณะอนุกรรมการสร้างเสริมภูมิคุ้มกันโรคยังมีมติให้คำแนะนำการฉีดวัคซีน คือ
1. ฉีดวัคซีนโควิดชั้นผิวหนังได้ (ID) กรณีวัคซีนมีจำกัด เนื่องจากประสิทธิผลใกล้เคียงกับการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ พบผลข้างเคียงทางผิวหนังชัดกว่า แต่ผลข้างเคียงภาพรวม เช่น การเป็นไข้ลดน้อยลง เพราะใช้วัคซีนปริมาณน้อยกว่า
2. ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่และวัคซีนโควิด 19 ไปพร้อมๆ กันได้ เนื่องจากวัคซีนโควิดมีความปลอดภัยค่อนข้างสูง ฉีดเกือบ 80 ล้านโดส อาการรุนแรงจากวัคซีนมีไม่มาก
3. ผู้รับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 2 เข็ม ให้กระตุ้นเข็ม 3 ได้ทั้งไฟเซอร์และโมเดอร์นา ระยะห่างจากเข็มสอง 6 เดือนขึ้นไป โดยผู้ที่รับครบช่วงพฤษภาคม-มิถุนายน สามารถไปลงทะเบียนยังจุดฉีดใกล้บ้านได้ตามความสมัครใจ
4. กรณีแพ้วัคซีนให้เปลี่ยนชนิดวัคซีนได้ ตามเกณฑ์ที่กำหนดหรือตามดุลยพินิจของแพทย์ ซึ่งการฉีดจะเริ่มจากเชื้อตาย ไวรัลเวคเตอร์ และ mRNA ส่วนกรณีที่มีความจำเป็นต้องไปต่างประเทศ ให้พิจารณาฉีดตามข้อกำหนดของประเทศปลายทางเป็นรายกรณี
ทั้งนี้ นพ.โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับการฉีดวัคซีนโมเดอร์นานั้น คณะอนุกรรมการฯ มีคำแนะนำให้ฉีดตามเอกสารกำกับยาของบริษัท ทั้งการฉีดสูตรปกติและสูตรไขว้ให้ฉีดห่างกัน 4 สัปดาห์ สามารถฉีดได้ในอายุ 12 ปีขึ้นไป ใช้ฉีดกระตุ้นผู้ที่รับซิโนแวค 2 เข็มหรือซิโนฟาร์ม 2 เข็ม ตั้งแต่ 4 สัปดาห์ขึ้นไปได้
ซึ่งศูนย์ปฏิบัติการด้านการแพทย์และสาธารณสุขมีมติรับทราบและให้คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดนำไปปฏิบัติให้สอดคล้องกับสถานการณ์จังหวัดตนเอง
สำหรับผู้ที่ฉีดซิโนฟาร์มครบ 2 เข็มตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายน สามารถติดต่อจุดฉีดวัคซีนหรือสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด เพื่อลงทะเบียนรับเข็มกระตุ้นได้ฟรีตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป ส่วนผู้ที่ฉีดสูตรไขว้ซิโนแวค-แอสตร้าเซนเนก้า แนะนำให้รอประมาณ 5-6 เดือนจึงจะฉีดกระตุ้นได้
นอกจากนี้ นพ.โอภาส กล่าวอีกด้วยว่า ส่วนกรณีข่าวนักเรียน จ.มุกดาหาร ตรวจ ATK พบการติดเชื้อจำนวนมากนั้น กองระบาดวิทยาติดตามข้อมูลเบื้องต้นพบว่า เกิดที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.นิคมคำสร้อย จ.มุกดาหาร มีการตรวจ ATK ในครูผลบวก 14 คน และนักเรียน 3 คน รวม 17 คน ทีมสอบสวนโรคและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดมุกดาหารจึงออกตรวจเชิงรุกอีกครั้งด้วย ATK 4 ยี่ห้อ ในนักเรียนและบุคลากร 1,106 ราย พบผลบวก 87 คน ซึ่งมาจากชุดตรวจ ATK ที่โรงเรียนจัดหาทั้งหมด จึงมีการสุ่มตรวจด้วยชุดตรวจ ATK อีกชุดพบว่าเป็นผลลบ และเมื่อตรวจซ้ำด้วย RT-PCR พบว่าทุกรายเป็นลบ
สรุปว่าผลตรวจไม่มีการติดเชื้อ แต่จะเฝ้าสังเกตอาการเพื่อความไม่ประมาท โดยโรงเรียนสามารถทำความสะอาดและเปิดเรียนได้ เพราะนักเรียนและบุคลากรเกิน 70% ได้รับวัคซีนแล้ว จะมีการตรวจสอบหาสาเหตุที่ ATK ให้ผลบวกลวงอีกครั้ง ซึ่งอาจเกิดจากการจัดเก็บไม่ดี ตรวจไม่ถูกวิธี ปนเปื้อนเชื้อ หรือทิ้งผลตรวจไว้นาน