#พี่อิ่มน้องน้ำ คู่จิ้นการเมือง! ในวันที่ Shipper กลายเป็น Voter
ถ้าพูดถึง ‘คู่จิ้น’ สิ่งหนึ่งที่มาพร้อมกันคือวัฒนธรรมการชิป บ้างก็บอกว่ามันย่อมาจาก Relationship บ้างก็ใช้คำว่าต่อเรือ ล่องเรือ หรือเรือผี แต่ความหมายคือการจับคู่คนสองคนให้กลายเป็นคู่รักในสายตาแฟนคลับ แม้ว่าอาจจะไม่เป็นจริงก็ตาม ส่วนคนที่พยายามเชื่อมโยงความสัมพันธ์ของคนสองคน จากสิ่งต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไอเทม เสื้อผ้า หรือของใช้ที่เขาใช้เหมือนกันเป็นคู่ สายตา ท่าทาง หรือการโพสต์รูปและข้อความต่างๆ เราเรียกคนกลุ่มนี้ว่า ‘Shipper’
แฟนด้อม และชิป เกิดขึ้นมาพร้อมๆ กับการเข้ามาของ J-Pop และ K-pop ในประเทศไทยราวๆ ปี 2000 ซึ่งแน่นอนว่าเด็กๆ ที่เกิดในยุคนั้น ตอนนี้ก็คือ ‘New Voter’ ที่ส่วนใหญ่กำลังจะได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งครั้งแรกในการเลือกตั้งที่จะมาถึง พวกเขาไม่ใช่เพียงคนรุ่นใหม่ที่โตมากับเทคโนโลยีและอินเตอร์เน็ตเท่านั้น พวกเขายังนำวัฒนธรรมป๊อบเข้ามาสู่สนามการเมือง ผ่านการสร้างแฟนด้อม และคู่จิ้นในโลกออนไลน์ เช่น คู่จิ้นปิยบุตร-ธนาธร หลังการเปิดตัวพรรคอนาคตใหม่ แต่ไม่ค่อยมี ‘โมเมนต์’ ให้ล่องเรือเท่ากับคู่จิ้น #พี่อิ่มน้องน้ำ
#พี่อิ่มน้องน้ำ แฟนด้อมเพื่อไทย
จากความเท่และความอบอุ่นของ ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.กทม และความน่ารักของ จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย บวกกับเคมีที่กำลังดีของทั้งคู่เวลาอยู่ด้วยกัน ซึ่งเรามักจะเห็นได้จากอินตาแกรม และอภิปรายในรัฐสภา ทำให้เกิดเกิดกลุ่มแฟนคลับตัดต่อคลิปของทั้งคู่ลง Tiktok จากนั้นก็แพร่หลายมากขึ้นจนมีอินตาแกรมแฟนคลับลงรูปโมเมนต์น่ารักๆ ของทั้งคู่ กลุ่ม Line Openchat ที่มีสมาชิกกว่า 500 คน และกลุ่มเฟซบุ๊กที่มีสมาชิกกว่า 3,000 คน อายุเฉลี่ยอยู่ที่ 18-24 ปี พวกเขาจะมีกิจกรรมแจกรูป แก้ว กระเป๋า หรือเสื้อที่มีรูปของ ส.ส.อิ่ม และส.ส.น้ำ รวมตัวไปตอนรับเวลาลงพื้นที่ อีกทั้งขยายไปยัง ส.ส. คนอื่นในพรรคเพื่อไทยให้มีผู้ติดตามในอินตาแกรมมากขึ้นด้วย
‘คูมจิ’ พร้อมเป็นแรงบันดาลใจให้คนรุ่นใหม่ แถมกระซิบว่า “ตัวเองก็เคยเป็นติ่งมาก่อน”
ทีมข่าว Sanook News สัมภาษณ์พิเศษ ส.ส.น้ำ จิราพร ถึงปรากฎการณ์แฟนด้อม เธอกล่าวว่ารู้สึกดีใจที่มีคนรุ่นใหม่มาสนใจการเมือง เพราะมันเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของเราโดยตรง แฟนๆ ส่วนใหญ่เป็นคนที่ไม่ได้สนใจการเมืองมาแต่แรก การที่เขามาติดตามเราเวลาอภิปรายในสภาก็เหมือนเขาได้ความรู้กับเราไปด้วย ซึ่งตนเองก็ตั้งใจว่าจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับแฟนๆ สอดแทรกความรู้ เหมือนให้เขาได้เรียนรู้และสนุกกับการเมืองไปพร้อมๆ กับเรา ซึ่งปกติการเป็น ส.ส. ก็เป็นบุคคลสาธารณะ ต้องพบปะประชาชนอยู่แล้ว พอมาแฟนด้อมก็เปลี่ยนเปลี่ยนอายุแฟนคลับของเราจากผู้ใหญ่เป็นวัยรุ่น แต่เราก็ยังทำงานเหมือนเดิม รับแขกเหมือนเดิม เป็นตัวของตัวเองเหมือนเดิม
คิดอย่างไรที่บางคนมองว่า ‘ติ่ง’ เป็นเรื่องไร้สาระ?
ส.ส.น้ำ หัวเราะเบาๆ พร้อมยอมรับว่า ช่วงสมัยเรียนก็เคยเป็นติ่งศิลปินเกาหลี การชื่นชอบใครสักคนไม่ใช่เรื่องไร้สาระ สุดท้ายแล้วเราจะได้แรงบันดาลใจอะไรบางอย่างไปจากเขา เพราะไอดอลมีอิทธิพลต่อแฟน แต่ถ้าคนที่ไม่เคยเป็นแฟนด้อมก็อาจจะไม่เข้าใจ
“ตอนที่เราชอบนักร้องเกาหลี คนดูว่าเราไร้สาระ เราไม่ได้แค่กรี๊ดกร๊าดว่าเขาหล่อ แต่เราดูที่มาที่ไป ดูประสบการณ์และความทุ่มเทพยายามกว่าที่เขาจะมาถึงจุดนี้ เขาก็เป็นตัวอย่างให้เราว่าตั้งใจทำแล้วจะประสบความสำเร็จ เหมือนกับแฟนคลับของเราที่เขาเคยบอกเราว่าพี่เป็นแรงบันดาลใจให้หนู เราก็ตั้งใจจะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับน้องๆ”
‘คูมจิ’ สนิทกับ ‘คูมธี’ ได้อย่างไร?
ด้วยความที่เป็น ส.ส. สมัยแรก พี่อิ่มเป็น ส.ส. มาสมัยที่สอง ก็เป็นเหมือนรุ่นพี่ หรือพี่ใหญ่ในแก็งค์ ส.ส.เด็กๆ สมัยแรก และด้วยความที่เป็นคนชอบฟังการประชุมสภาอยู่จนดึกๆ เหมือนกัน พอเลิกประชุมก็ไปกินข้าวด้วยกันบ่อยๆ ก็เริ่มสนิทกัน เวลาเราอภิปราย พี่อิ่มก็จะมานั่งให้กำลังใจอยู่ใกล้ๆ เดินในสภาด้วยกัน และลงรูปด้วยกันบ่อยๆ ซึ่งตอนแรกเราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่พอเริ่มมีคนมาติดตามเยอะขึ้นก็แอบเขิน กลัวว่าถ้าลงรูปคู่เขาจะหาว่าเราแฟนเซอร์วิส แต่ความจริงคือลงรูปคู่เป็นปกติอยู่แล้ว
กลัวคนวิจารณ์เรื่องเพศสภาพและทำให้เสียภาพลักษณ์หรือไม่?
ส่วนตัวมองตรงกันข้าม การมีแฟนด้อมทำลายกำแพงเรื่องเพศสภาพ แสดงให้เห็นว่าสังคมไทยเปิดรับความหลากหลาย เปลี่ยนมุมมองว่าความรักไม่จำเป็นจะต้องเกิดขึ้นระหว่างชาย-หญิงเท่านั้น ขณะที่ตัวเองก็เคยเจอคนมองด้วยอคติทางเพศมาแล้ว ตั้งแต่สมัยเลือกตั้งปี 2560 ว่าเป็นเด็กผู้หญิง ซึ่งต่างกับพ่อที่เป็นทั้งนักการเมืองและนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จะทำงานการเมืองได้เหรอ? ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเราทำงานได้ดีและได้รับความไว้วางใจจากคนในพื้นที่
“ไม่ใช่เรื่องที่จะเอารสนิยมทางเพศมาตัดสินว่าจะเลือกหรือไม่เลือกใคร แต่เราเอาการทำงานและจุดยืนทางการเมืองมาตัดสินมากกว่า”
แฟนด้อมคือโอกาสให้พรรคเพื่อไทยพัฒนาตัวเอง
ในขณะที่พรรคเพื่อไทยปรับตัวเองให้เขากับยุคสมัยและโหวตเตอร์ทุกกลุ่มมาตั้งแต่สมัย ทั้งพี่น้องต่างจังหวัดและคนรุ่นใหม่ ในเมือง แต่พอมีแฟนด้อมที่ชื่นชอบนักการเมือง มันเป็นปรากฎการณ์ที่ไม่ได้คาดฝัน นอกจากตัวเราแล้ว พวกเขายังเริ่มไปตาม ส.ส. บ้านตัวเองด้วย ก็เป็นโอกาสให้ ส.ส. ได้สื่อสารกับโหวตเตอร์โดยตรง และในขณะเดียวกันก็เหมือนเป็นการที่โหวตเตอร์ได้จับตามองการทำงานของ ส.ส. เขตของตนอย่างใกล้ชิดด้วย ขณะเดียวกันพวกเขายังเป็นแฟนพรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นโอกาสที่เราจะได้สื่อสารเจตนารณ์ประชาธิปไตยและย้ำว่าการเมืองเป็นเรื่องของทุกคน รัฐต้องให้ความเท่าเทียมกับคนทุกกลุ่ม ทั้งสิทธิทางกฎหมายและทางเพศ ปัญหาของคนทุกกลุ่มรัฐต้องหยิบขึ้นมาแก้ไข และตอบสนองเพื่อให้พวกเขา โดยเฉพาะผู้ที่มีความหลากหลายทางเพศเข้ามาร่วมสร้าง Creative Economy ไปด้วยกัน
“การมีแฟนด้อมที่เขามาจิ้น แสดงว่าคนไทยพร้อมแล้วที่เปิดรับทุกเพศสภาพ มีแค่รัฐบาลเท่านั้นที่ตามไม่ทัน” ส.ส.น้ำ กล่าวทิ้งท้าย
ผู้เขียน : อรรถชัย หาดอ้าน
อัลบั้มภาพ 7 ภาพ