"ประยุทธ์" ยอมเอ่ยปาก คุยกับ "ธรรมนัส" ไปครั้งหนึ่ง ย้ำ พปชร. ยังปึ้กถ้าไม่มีใครยุแยง
“บิ๊กตู่” เผยคุยกับ “ธรรมนัส” ไปแล้วครั้งหนึ่ง ย้ำยังเป็นปึกแผ่นกับพรรคพลังประชารัฐ หากไม่มีใครยุแยงตะแคงรั่ว
วันนี้ (8 พ.ย.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงกระแสข่าวการพูดคุยกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยตรงว่า “คุยไปครั้งหนึ่งมั้ง” เมื่อถามย้ำว่าดีขึ้นหรือไม่หลังพูดคุยไปครั้งหนึ่งนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส เคยมาคุยด้วยครั้งหนึ่ง ซึ่งก็ดี ก็คุยกัน
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความเป็นปึกแผ่นกับพรรคพลังประชารัฐมากขึ้น และเป็นเนื้อเดียวกับรัฐบาล ว่า “ถ้าไม่มีใครยุแยงตะแคงรั่ว มันก็ดีอยู่มั้ง”
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวภายหลังเป็นประธานในการรับฟังการแถลงผลงานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) และโครงการสำคัญที่จะขับเคลื่อนในปี 2565 ว่า วันนี้ได้รับฟังข้อสรุปผลงานของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้หรือ กพต. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทุกกระทรวงมีส่วนร่วมโดยใช้งบประมาณตามกฎหมาย แต่ส่วนที่ดำเนินงานคือ ศอบต. งบประมาณอีกส่วนหนึ่งคือ กอ.รมน. ที่เป็นเงินเดือน เบี้ยเลี้ยงของเจ้าหน้าที่ทหาร ศอบต. ก็เรื่องโครงการต่างๆ ที่จะเข้าไปเสริม
ส่วนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ขณะนี้ดีขึ้น ความเชื่อมั่นดีขึ้น เหตุการณ์ความรุนแรงลดลงเป็นเพราะความเอาใจใส่ของทุกคนในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เห็นใจเจ้าหน้าที่ด้วยเนื่องจากอยู่ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง ขอให้เห็นใจทหารตำรวจที่ลงไปอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ เบี้ยเลี้ยงได้น้อยกว่าจะได้กลับบ้าน แต่ต้องเสี่ยงชีวิตเพื่อความปลอดภัยของทุกคน ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องการเพียงกำลังใจ ไม่ได้เรียกร้องอะไร
อย่างไรก็ตาม นายกฯ ยังกล่าวถึงการประชุมวิปรัฐบาลนัดแรกว่า เป็นเรื่องของกลไกลสภา รัฐบาลมีหน้าที่ในการแต่งตั้งอนุมัติตำแหน่งเท่านั้น แต่เป็นกลไกลของสภา สิ่งสำคัญที่สุดคือทำอย่างไรให้สภาทำหน้าที่ได้ แต่ทั้งหมดไม่ใช่เพราะประธานวิปรัฐบาลเพียงอย่างเดียว วิปของพรรคการเมืองต้องร่วมมือกัน
ซึ่งขณะนี้เป็นช่วงเวลาของความยากลำบาก เป็นเวลาที่จะต้องร่วมมือกัน ทั้งในเรื่องของกฏหมายที่จำเป็นและสำคัญ รวมถึงเรื่องที่จะต้องปฏิรูป มากกว่าเอามาเป็นความขัดแย้งกัน สภาควรจะเป็นเช่นนั้น ตนไปบังคับใครไม่ได้ ขณะที่บ้านเมืองกำลังลำบาก ประชาชนเดือนร้อน ไม่มีใครได้ประโยชน์ ใครจะเข้ามาสู่อำนาจ ก็ต้องเจอปัญหาเหมือนในขณะนี้ ซึ่งจะทำให้ความขัดแย้งสูงไปเรื่อยๆ ไม่มีวันจบ ถ้าทุกหันหน้ามาพูดคุยกันในสิ่งที่เป็นประโยชน์ สิ่งใดไม่ดีก็ทักท้วงมา ถ้าทำแบบนี้ได้ประเทศไทยก็ไปได้ไกล
เมื่อถามย้ำว่า นายนิโรธ สุนทรเลขา มาเป็นประธานวิปรัฐบาล ทำให้สบายใจขึ้นหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ปฏิเสธที่จะตอบ แต่ระบุว่า เพราะตนควบคุมงานในสภาไม่ได้ เป็นเรื่องของวิปทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาล ต้องคุยกันให้รู้เรื่อง เรื่องไหนที่สำคัญ เรื่องไหนเป็นกฏหมายที่สำคัญ จำเป็นต้องพิจารณา ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษา ก็ต้องให้ผ่าน ไม่ใช่จะทำให้รัฐบาลล้ม ซึ่งตนมองว่าใจร้ายกับประเทศเกินไป
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงความเคลื่อนไหวล้มรัฐบาลว่า ไม่ทราบ เป็นเรื่องของพรรคและหัวหน้าพรรค ให้ไปว่ากันมา ตนอะไรก็ได้ ทำงานให้ประชาชนอยู่แล้ว ขณะที่เมื่อถามว่านายวันชัย สอนศิริ ส.ว. ทำนายว่าปีหน้าจะเกิดการเปลื่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ นายกรัฐมนตรี พูดติดตลกว่า ก็เปลื่ยนประธานวิปรัฐบาล
แจงแผนฟื้นฟู "การบินไทย" เริ่มดีขึ้น ยืนยันยังเป็นสายการบินแห่งชาติของไทยตลอดไป
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการหารือร่วมกับทีมเศรษฐกิจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความก้าวหน้าแผนฟื้นฟูกิจการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ว่า ที่ผ่านมาตนรับฟังรายงานความก้าวหน้า ซึ่งตนก็รู้สึกดีใจว่าทุกอย่างนั้นเริ่มดีขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาก็มีเงินหมุนเวียนอยู่พอสมควร พร้อมกับมีการปรับลดพนักงานเหลือเท่าที่จำเป็น และลดค่าใช้จ่ายรายต่อเดือนลง ส่วนเรื่องสภาพคล่องเดี๋ยวค่อยว่ากันในกระบวนการ พร้อมยืนยันว่าการบินไทยยังคงเป็นสายการบินแห่งชาติของไทยตลอดไป
ส่วนจะต้องมีการปรับแผนหรือไม่นั้น? นายกรัฐมนตรี ระบุว่า สายการบินไทยเป็นสายการบินแห่งชาติ ยังคงดำเนินการตามแผนที่วางไว้ หากมีอะไรจำเป็นเร่งด่วนก็คงต้องปรับ พร้อมยืนยันว่างบประมาณที่การบินไทยขอมานั้นยังไม่ต้องปรับลดแต่อย่างใด แต่ขอให้หาทางอื่นมาทดแทน ส่วนจะหาทุนเพิ่มทุนอะไรก็ขอให้ไปว่ากันมา แต่ในวันนี้ก็ไม่ได้จ่ายเงินสนับสนุนอะไรลงไป