จับสองพ่อลูกคดีโกงเงิน 17 ล้าน ตำรวจสงสารสภาพยากจนหนัก คาดถูกนำเอกสารไปกู้เงิน

จับสองพ่อลูกคดีโกงเงิน 17 ล้าน ตำรวจสงสารสภาพยากจนหนัก คาดถูกนำเอกสารไปกู้เงิน

จับสองพ่อลูกคดีโกงเงิน 17 ล้าน ตำรวจสงสารสภาพยากจนหนัก คาดถูกนำเอกสารไปกู้เงิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จับสองพ่อลูกคดีโกงเงิน 17 ล้าน ตำรวจสงสารสภาพยากจนหนัก ไม่น่าไปโกงเงินใคร แต่ต้องจับตามหน้าที่ คาดถูกอดีตเมียนำเอกสารไปใช้กู้เงิน

เมื่อเวลา 21.00 น. (8 พ.ย. 64) พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร  ร.ต.อ.สุคนธุ์ ผลทรัพย์ รอง สว.กก.สส./หน.นปพ.จว.ชุมพร พร้อมกำลังควบคุมตัว นายสมพิศ มากแตง อายุ 31 ปี และ นายจำเริญ มากแตง อายุ 72 ปี ทั้งสองคนเป็นพ่อลูกกัน เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ที่ 10/2564 ลงวันที่ 10 กันยายน 2564 ความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนพนักงานมีหน้าที่ ทำ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใด ๆใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กร บริษัทจำกัด ห้างหุ้นส่วน นิติบุคคล หรือหน่วยงานที่ใช้เรียกชื่ออย่างอื่น ตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 8 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตา 86 และมาตรา 91

โดยผู้ต้องหาสองพ่อลูกร่วมกับพวกรวม 17 ราย ร่วมกันทำธุรกรรมกู้เงินจากกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อำเภอท่าแซะ จ.ชุมพร โดยไม่ได้มีสวนยางและสวนยางไม่เข้าหลักเกณฑ์ที่จะได้รับการสงเคราะห์ การทำสวนยาง ทำให้กองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อำเภอท่าแซะ ได้รับความเสียหายเป็นเงินกว่า 20 ล้านบาท เหตุเกิดช่วงปี พ.ศ. 2556

นายสมพิศ มากแตง อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับกล่าวว่าครอบครัวตนฐานะยากจนมีอาชีพรับจ้างตัดปาล์ม หาเช้ากินค่ำ ส่วนพ่อตนก็แก่มากแล้วมีโรคประจำตัวต้องเข้าโรงพยาบาลตลอด จะเอาปัญญาที่ไหนไปกู้ยืมหรือทำธุรกรรมทางการเงินกับใครได้ และยืนยันว่าไม่เคยไปกู้เงินจากหน่วยงานใดทั้งสิ้น แต่เมื่อประมาณกว่า 2 เดือนที่ผ่านมา ได้มีหมายเรียกมาส่งที่บ้านและเมียตนก็เซ็นรับไป แต่ตนก็ไม่ได้ไปพบเจ้าหน้าที่ตามหมายเรียกเพราะตนไม่เข้าใจและไม่เคยไปทำธุรกรรมทางการเงินกับใครที่ไหน และไม่คิดว่าจะเป็นตนด้วยจึงไม่ได้สนใจ จนกระทั่งวันนี้ตำรวจนำหมายจับมาจับตนและพ่อตนทำให้รู้สึกตกใจมาก

นายสมพิศกล่าวต่อว่าปัญหาน่าจะเกิดมาตั้งแต่ประมาณ 6-7 ปี ที่ผ่านมา ขณะนั้นตนอาศัยอยู่กินกับเมียคนแรก ซึ่งเป็นลูกเลี้ยงของเจ้าหน้าที่คนหนึ่งในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อำเภอท่าแซะ ได้ขอเอกสารสำเนาบัตรประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านของตนและของพ่อตนไป บอกว่าจะเอาไปซื้ออาวุธปืนสวัสดิการให้ 1 กระบอกในราคาถูก ซึ่งตนเองก็อยากมีอาวุธปืนอยู่แล้ว แต่ในที่สุดตนก็ไม่ได้อาวุธปืน

นายสมพิศกล่าวว่าหลังจากนั้นไม่นานตนได้เลิกกับเมียคนแรกที่เป็นลูกเลี้ยงของเจ้าหน้าที่สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางคนดังกล่าว และปัจจุบันตนมีเมียใหม่มีลูกด้วยกันสองคนแล้ว มีอาชีพรับจ้างกรีดยางหาเช้ากินค่ำทั้งชีวิตมีเงินฝากอยู่ในบัญชีธนาคารชื่อของเมียตนเพียงแค่พันกว่าบาทเท่านั้น ส่วนพ่อเลี้ยงของเมียคนแรกภายหลังทราบว่าได้ถูกให้ออกจากที่ทำงานและถูกดำเนินคดีเกี่ยวกับโกงเงินในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง อำเภอท่าแซะ จึงไม่ทราบว่าทำไมตนจึงไปเป็นหนี้สินร่วมกับคนอื่นในสำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยางได้อย่างไร จึงขอความเป็นธรรมจากผู้เกี่ยวข้องด้วย

ด้าน นายจำเริญ มากแตง อายุ 72 ปี กล่าวว่าตนอายุมากแล้วมีโรคประจำตัว โรคหัวใจ ต้องกินยาประจำ และในวันศุกร์นี้หมอที่โรงพยาบาลนัดให้ไปผ่าตัดเอาก้อนเนื้อในกระเพาะออก ปัจจุบันตนไม่มีรายได้อะไร ได้กินได้ใช้จากเงินสงเคราะห์ผู้สูงอายุจากรัฐบาลเท่านั้น แล้วมาถูกจับกุมดำเนินคดี โดยที่ตนไม่เคยไปกู้เงินจากที่ใดเลย จะต้องมาติดคุกตอนแก่ และจะเอาปัญญาที่ไหนไปใช้หนี้อีกเป็นล้าน

ขณะที่ พ.ต.อ.ธานี นาคหกวิค ผกก.สส.ภ.จว.ชุมพร กล่าวว่าตนก็ทำตามหน้าที่จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับร่วมกับเจ้าหน้าที่ ปปช. ซึ่งดูจากสภาพของสองพ่อลูกแล้วตนก็รู้สึกสงสารมากเพราะมีฐานะยากจนจริงๆ หลังจากนี้ตนก็ต้องนำผู้ต้องหาทั้งสองคนไปส่งศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบภาค 8 ต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook