กู้รถหนุ่มขับตาม GPS ตกเจ้าพระยาได้แล้ว ลอยไปไกลจุดตก 300 เมตร กระจกเปิด 2 บาน
กู้รถหนุ่มขับตาม GPS ตกแม่น้ำเจ้าพระยาได้แล้ว ลอยไปไกลจุดตก 300 เมตร พบกระจกหน้าเปิด 2 บาน
หลังมีการพบศพ นายธีรภัทร์ ธีระพงศ์ไพบูลย์ อายุ 27 ปี บุตรชายของเจ้าของร้านจำหน่ายอุปกรณ์การเกษตรรายใหญ่ ในพื้นที่ จ.สุพรรณบุรี ที่จมแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ สูญหายไปพร้อมกับรถยนต์ SUV ตั้งแต่กลางดึกคืนวันที่ 5 พฤศจิกายน จนกระทั่งมาพบศพเมื่อ 8 พ.ย.64 โดยศพลอยมาติดอยู่กับกอหญ้าใกล้กับตลิ่งริมน้ำเจ้าพระยาในพื้นที่ หมู่ 8 อ.โกรกพระ จ.นครสวรรค์ ซึ่งอยู่ห่างจากจุดระบุเกิดอุบัติเหตุรถจมน้ำไปประมาณ 15 กิโลเมตรนั้น
วันนี้ (9 พ.ย. 64) เมื่อเวลาประมาณ 05.00 น. เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เริ่มปฏิบัติการกู้รถ โดยรถได้ไหลไปตามกระแสน้ำ ห่างจากจุดเกิดเหตุไปประมาณ 300 เมตร ซึ่งตลอดทั้งคืนที่ผ่านมาก็ได้มีการกู้รถขึ้นมาแล้วรอบหนึ่งแต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากระดับน้ำที่ลึกกว่า 6 เมตร และกระแสน้ำไหลค่อนข้างแรง อีกทั้งรถแบคโฮ ที่มาจอดริมตลิ่ง เพื่อทำการดึงรถ เกิดติดหล่ม เนื่องจากดินมีความชุ่มน้ำ จนต้องยกเลิกภารกิจ ช่วงเวลา 03.30 น.
ช่วงเช้ามืด เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู ได้ประสานรถแบคโฮอีกคัน มาช่วยลากรถขึ้นริมตลิ่งข้างสะพานเลี่ยงเมืองแทน โดยใช้วิธีวางทุ่นใต้รถเพื่อให้ลอยน้ำ และใช้สายเบลท์ลากรถยนต์ดึงทวนกระแสน้ำ มาขึ้นริมตลิ่งบริเวณจุดกลับรถใต้สะพานแทน โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง จึงสามารถนำรถขึ้นฝั่งได้สำเร็จ
เบื้องต้นพบว่ารถคันดังกล่าว มีการลดกระจกประตูหน้าลงทั้ง 2 ข้าง ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ลากรถมายังสถานีตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์แล้ว เพื่อรอเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบต่อไป
ด้าน พลตำรวจตรีระพีพงษ์ สุขไพบูลย์ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครสวรรค์ ให้ข้อมูลว่า ได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร นำแบริเออร์ไปปิดจุดที่เกิดอุบัติเหตุดังกล่าวแล้ว ส่วนไฟฟ้าส่องสว่างนั้น ได้ประสานกับกรมทางหลวงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะมีการดำเนินการในเร็ว ๆ นี้
ในส่วนของเส้นทางที่รถเกิดอุบัติเหตุนั้น เส้นทางดังกล่าวที่เปิดไว้เพื่อใช้สำหรับให้ช่างได้เข้าไปทำการซ่อมบำรุงเสาไฟฟ้าแรงสูงที่พาดข้ามแม่น้ำ ไม่ใช่เส้นทางสาธารณะ โดยในช่วงน้ำลด จะเห็นตลิ่งออกไกลหลายสิบเมตร และเมื่อช่วงน้ำมาก ระดับน้ำจะขึ้นมาจนเกือบติดถนนหลัก อย่างไรก็ตามในจุดนี้ ไม่พบว่ามีป้ายสัญญาณเตือน หรือจุดที่ปิดกั้น มานานหลายเดือนแล้ว หากคนที่ไม่ชินพื้นที่ ก็แทบมองไม่ออกเลยทีเดียว