สลด แผ่นปูนถล่มทับเถ้าแก่รับเหมาวัย 62 ดับคาที่ หลังเข้ารื้อถอนอาคารไฟไหม้ย่านบางขุนเทียน

สลด แผ่นปูนถล่มทับเถ้าแก่รับเหมาวัย 62 ดับคาที่ หลังเข้ารื้อถอนอาคารไฟไหม้ย่านบางขุนเทียน

สลด แผ่นปูนถล่มทับเถ้าแก่รับเหมาวัย 62 ดับคาที่ หลังเข้ารื้อถอนอาคารไฟไหม้ย่านบางขุนเทียน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สลด แผ่นปูนถล่มทับเถ้าแก่รับเหมาวัย 62 ดับคาที่ หลังเข้ารื้อถอนอาคารไฟไหม้ย่านบางขุนเทียน สำนักงานเขตเผยไม่มีการขออนุญาต

เมื่อเวลา 10.45 น. (9 พ.ย.64) พ.ต.ท.สมพล บุญทา สว.(สอบสวน) สน.ท่าข้าม รับแจ้งเหตุแผ่นปูนอาคารถล่มทับคนงานเสียชีวิต ภายใน หจก.กำจรอุตสาหกรรม เลขที่ 47 ถนนท่าข้าม ซอย 14 แขวงแสมดำ เขต บางขุนเทียน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน เจ้าหน้าที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เกิดเหตุเป็นอาคารสูง 4 ชั้น อดีตเคยเป็นโกดังเก็บสินค้าประเภทพลาสติก ของห้างหุ้นส่วนจำกัดดังกล่าว แต่ปัจจุบันอยู่ระหว่างรื้อถอนเนื่องจากประสบเหตุเพลิงไหม้ตั้งแต่ช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

เจ้าหน้าที่ พบศพ นายประวิทย์ อายุ 62 ปี ช่างที่กำลังทำงานรื้อถอนอาคารอยู่ด้านหน้าชั้นล่าง ถูกแผ่นปูนถล่มลงมาทับ สภาพศพนอนหงาย สวมเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว มีบาดแผล กระแทกที่บริเวณใบหน้าและศีรษะ จึงมอบร่างผู้ตายให้แพทย์นิติเวช ทำการผ่าชันสูตรเพื่อหาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง

ด้าน นายพงษ์จักรินทร์ ถาวรพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตบางขุนเทียน เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบ ไม่พบว่าเจ้าของอาคาร ได้ยื่นขออนุญาตรื้อถอนอาคารกับทางสำนักงานเขต ทั้งที่ก่อนหน้านี้ได้ประกาศเป็นพื้นที่ห้ามใช้อาคารไปแล้วเนื่องจากประสบเหตุเพลิงไหม้ โดยหลังจากนี้จะส่งตัวแทนสำนักงานเขต เข้าแจ้งความเอาผิดกับเจ้าของอาคาร ในข้อหาทำการรื้อถอนโดยไม่ได้รับอนุญาต อันเป็นความผิดตาม พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ส่วนเรื่องการชดใช้ค่าสินไหมให้กับผู้ตายทางพนักงานสอบสวนจะเป็นผู้ดำเนินการ ตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป

พลตำรวจตรีพงศ์อานันต์ คล้ายคลึง ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 ระบุว่า ผู้เสียชีวิตเป็นผู้รับเหมาเข้ามารับรื้อถอน เนื่องจากอาคารแห่งนี้ เคยได้รับผลกระทบ จากเหตุเพลิงไหม้โรงงานทินเนอร์ที่อยู่ข้างเคียงเมื่อช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา จนอาคารได้รับความเสียหายและทางสำนักงานเขตบางขุนเทียนมีการออกคำสั่งห้ามใช้อาคารและให้รื้อถอน จนเริ่มมีการจ้างบริษัทมารื้อถอน เมื่อประมาณ 3 วันก่อน ซึ่งต่อจากนี้จะให้ พนักงานสอบสวนรวบรวมหลักฐาน และประสานสำนักงานเขต เพื่อให้เข้าแจ้งความเนื่องจากเบื้องต้นทราบว่าการหรือถอนเปล่าไม่ได้มีการขออนุญาตถูกต้องและไม่มีผู้ควบคุมงาน

นอกจากนี้จะให้เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียด โดยยืนยันว่า จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ส่วนจะประกาศเป็นพื้นที่อันตรายหรือไม่ให้ทางกรุงเทพมหานคร เป็นผู้ประเมินอีกครั้ง

ด้าน นายสุพจน์ สร้อยอุธา นายช่างที่รอดชีวิตอย่างหวุดหวิดจากเหตุการณ์ดังกล่าวเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ตนเอง ทำงานให้กับบริษัทที่รับผิดชอบในการซื้อเหล็กจากการหรือถอนของอาคาร ส่วนผู้ตายเป็นบริษัทรับจ้างรื้อถอน ซึ่งมีการเริ่มงานมาตั้งแต่ประมาณวันอาทิตย์มีกำหนดแล้วเสร็จในอีกสองวันข้างหน้า

โดยช่วงเช้าวันนี้ ตนเองมาถึงประมาณ 9 โมง ก็พบว่าผู้ตายขึ้นไปเจาะพื้นปูนที่ด้านบนแล้ว เมื่อเห็นตนเอง ได้ตะโกนบอกให้ช่วยเอาเครื่องเจาะปูนใหญ่ขึ้นมาช่วย เมื่อตนขึ้นไปถึงที่ชั้น 4 ของอาคาร ผู้ตายก็อยู่ที่บนระเบียงนอกตัวอาคาร ตนก็ปีนออกไปช่วยแต่เป็นที่ระเบียงอีกฝั่ง และผู้ตายจะเจาะกระแทกพื้นระเบียง บริเวณจุดที่เชื่อมต่อกับตัวอาคาร และตนเองทำหน้าที่ช่วยเอาเศษปูนออก ก่อนที่ในเวลาต่อมาไม่นานนักจะได้ยินเสียงคล้ายปูนลั่น และผู้ตายร้อง เฮ้ย และแผ่นระเบียงฝั่งที่ผู้ตายยืนอยู่ได้พับทรุดร่วงลง พร้อมกับผู้ตายต่อหน้าต่อตาตนเอง ตนเองจึงตะโกนบอกหัวหน้าของตนเองที่อยู่ด้านล่างว่าเถ้าแก่ตก และรีบลงมาก่อนจะพบว่า เถ้าแก่เสียชีวิตแล้ว

ส่วนสาเหตุที่แผ่นระเบียงพับตกลงมา จากประสบการณ์ที่ทำมา โดยปกติระเบียงที่ยื่นออกจากตัวอาคารจะมีเหล็กข้ออ้อยยึดเป็นคานรับน้ำหนักเอาไว้ตลอดระเบียงซึ่ง เมื่อมีการเจาะกระแทกปูนแล้วจะต้องนำแก๊สขึ้นมาตัดก่อนใช้ครีมหย่อนลงซึ่งตนเองและผู้ตายเข้าใจว่าอาคารดังกล่าวเป็นแบบนั้นแต่เมื่อระเบียงหักออกมากลับไม่พบเหล็กข้ออ้อยดังกล่าวพบเพียงเหล็กเส้นเล็กๆซึ่งไม่สามารถรับน้ำหนักได้ กินคาดว่าเป็นสาเหตุของการพังของระเบียงลงมาจนทำให้เถ้าแก่บริษัทรื้อถอนตกลงมาเสียชีวิต

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook