แม่เผย "โน" มือฆ่านักธุรกิจสาวใหญ่ เคยขอขายบ้านล้างหนี้ เสียใจลูกไม่น่าฆ่าผู้มีพระคุณ

แม่เผย "โน" มือฆ่านักธุรกิจสาวใหญ่ เคยขอขายบ้านล้างหนี้ เสียใจลูกไม่น่าฆ่าผู้มีพระคุณ

แม่เผย "โน" มือฆ่านักธุรกิจสาวใหญ่ เคยขอขายบ้านล้างหนี้ เสียใจลูกไม่น่าฆ่าผู้มีพระคุณ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีเหตุฆาตกรรมภายในบ้าน ใน ต.หนองกรด อ.เมือง จ.นครสวรรค์ โดยคนร้ายได้ก่อเหตุใช้ของมีคมฆ่า น.ส.รัฐคณิศร จารุภัทรกิตติโชติ อายุ 56 ปี นักธุรกิจสาวใหญ่ เจ้าของบริษัทโครงข่ายอินเตอร์เน็ต ตายคาบ้านพัก และทำร้ายนายรุจิภาส โชติธรรม อายุ 22 ปี ได้รับบาดเจ็บอีกราย คนร้ายคือ นายชโนชัย หรือ โน วงแสน อายุ 40 ปี เจ้าของธุรกิจน้ำดื่ม เพื่อนบ้านในละแวกใกล้เคียง ได้ลงมือก่อเหตุเพื่อการชิงทรัพย์ เนื่องจากเจ้าตัวติดหนี้ผู้ตายเป็นเงินก้อนโต ตามที่ได้มีการเสนอข่าวไปแล้วนั้น 

ล่าสุด วันที่ 10 พฤศจิกายน 2564 ผู้สื่อข่าวได้สอบถามเกี่ยวกับปมหนี้สินจาก นางรำเพย วงแสน แม่ของคนร้าย เปิดเผยว่า หนี้สินในวงแชร์ของนายโนที่ไปเล่นนั้น นายโนเป็นคนถูกเจ้ามือโกงแชร์ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และไม่ทราบว่า วงแชร์ดังกล่าวเป็นเงินจำนวนเท่าไหร่ แต่ก็ทำให้นายโนเครียดมาก จนต้องมีการไปกู้ยืมหนี้สินนอกระบบอยู่หลายครั้งๆ 2-3 หมื่นบาท แต่ก็ปิดหนี้เหล่านั้นหมดแล้ว จนกระทั่ง มาได้รับความช่วยเหลือจาก น.ส.รัฐคณิศร ผู้ตาย ที่ให้ยืมเงินมาทำธุรกิจโรงงานผลิตน้ำดื่ม โดนตอนแรกผู้ตายให้เงินมา หวังเป็นหุ้นส่วนร่วมธุรกิจด้วย แต่เกิดเปลี่ยนใจ ให้ยืมแทน เป็นเงินรวมกันทั้งหมด 9 แสนบาท โดยเป็นหนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้ว 

ส่วนบ้านหลังที่นายโนปลูกสร้าง ได้สร้างไว้นานแล้ว แต่เมื่อ 3 ปีก่อน นายโนได้เอาไปจำนองไว้กับธนาคารเป็นจำนวนเงินมากกว่า 1 ล้านบาท แต่ตอนนี้ผ่อนลงมาเหลือ 9 แสนกว่าบาท ซึ่งที่ผ่านมา แม้จะรู้ว่านายโนมีปัญหาเรื่องเงิน แต่ก็ไม่มีทีท่าจะไปก่อเหตุโหดร้ายอะไรแบบนี้ จนกระทั่งมาทราบเรื่องว่า นายโนไปฆ่า น.ส.รัฐคณิศร ซึ่งถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ จึงตนให้ตนรู้สึกเสียใจสุดๆ ที่ไม่น่าเลือกทางออกแบบนี้ จึงอยากให้รีบกลับมามอบตัวชดใช้ความผิด 

ที่ผ่านมา ก็รู้เรื่องที่ลูกชายถูกผู้ตายทวงเงินอยู่บ้าง และก็รู้ว่าลูกชายเครียดมากจนถึงขั้นเสนอขายบ้านพร้อมที่ดินของตัวเองในราคา 3 ล้านกว่าบาท เพื่อหวังใช้หนี้ผู้ตาย และใช้หนี้ธนาคาร ส่วนที่เหลือก็จะนำมาตั้งตัว แต่ปรากฏว่า ผู้ตายเขามีที่ดินเยอะแล้ว จึงปฏิเสธลูกชายไป จึงทำให้ลูกชายต้องประกาศขายบ้าน และต้องรอให้ขายให้ได้ก่อนจะมีเงินมาใช้หนี้ จึงอาจเป็นเหตุทำให้กดดันอย่างหนัก ส่วนหนี้สินอื่นๆ ของลูกชายตนไม่รู้ว่ามีไปยืมที่ไหนอีกหรือไม่ เพราะเขาไม่เคยบอกอะไรมากนัก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook