ทนายราษฎรเปิดใจ หลังศาลรัฐธรรมนูญชี้ 10 ข้อเสนอเข้าข่ายล้มล้างการปกครอง
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความ จากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนกล่าวเมื่อวันพุธ (10 พ.ย.) ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า ว่าหลังจากนี้จะนำคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไปตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง ว่ามีส่วนใดที่คำวินิจฉัยเกินอำนาจศาลรัฐธรรมนูญหรือไม่ รวมถึงไปกระทบต่อสิทธิของประชาชนตามรัฐธรรมนูญกำหนด ตามมาตรา 49 วรรค 2 หรือไม่ เนื่องจากมีคำสั่งห้ามบุคคลอื่นหรือผู้หนึ่งผู้ใดกระทำการในลักษณะนี้อีกในอนาคต ซึ่งเป็นการจำกัดสิทธิ์สิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญ เป็นการวินิจฉัยเกินอำนาจหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ
เมื่อช่วงก่อนหน้าของวันเดียวกัน ศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าข้อเสนอ 10 ข้อของแกนนำผู้ชุมนุมราษฎร ในการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้าข่ายล้มล้างรัฐธรรมนูญ โดยอ้างมาตรา 49 ของรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่มีเนื้อหาว่าบุคคลจะใช้เสรีภาพเพื่อละเมิดสถาบันพระมหากษัตริย์ไม่ได้
ทนายความรายนี้ ตั้งข้อสงสัยว่าหลักฐานของฝั่งผู้ร้องครบถ้วนตามกระบวนการหรือไม่ เพราะแม้แต่การขอไต่สวนพยานทั้ง 8 ปากของฝั่งผู้ถูกร้องก็ถูกคัดค้านจากศาลรัฐธรรมนูญ อ้างไต่สวนหลักฐานจากการถอดเทปคำปราศรัยและกระดาษไม่กี่แผ่น ซึ่งไม่แน่ใจว่ามีน้ำหนักเพียงพอต่อการชี้ขาดวันนี้หรือไม่
เมื่อสื่อมวลชนถามว่า คำวินิจฉัยของศาล รัฐธรรมนูญที่ออกมาในลักษณะนี้ อาจเป็นแนวทางเพิ่มน้ำหนักให้กับคดีอาญาของกลุ่มแกนนำที่เคลื่อนไหวในลักษณะนี้หรือไม่ นายกฤษฎางค์ระบุว่า ส่วนตัวเชื่อว่าคำวินิจฉัยของศาลจะถูกนำมาเป็น บรรทัดฐานอ้างอิงในคดีอาญาอื่นๆเช่นคดีของนายอานนท์นำภา ซึ่งจะเป็นภาระที่หนักให้ทีมทนายความมากขึ้น เพราะคำวินิจฉัยนี้จะผูกพันไปทุกองค์
นายกฤษฎางค์ กล่าวต่อไปว่า คำวินิจฉัยนี้จะเชื่อมโยงไปสู่ข้อเสนอเรียกร้องยกเลิกมาตรา 112 หรือไม่ ยังไม่สามารถคาดเดาได้ ส่วนแกนนำจะเคลื่อนไหวต่ออีกหรือไม่หลังจากนี้ถือเป็นสิทธิ ของพวกเขาที่จะกระทำได้
นายกฤษฎางค์ยังระบุอีกว่า รู้สึกผิดหวังกับคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่ไม่ได้แปลว่าฝั่งผู้ถูกร้องแพ้แต่อย่างใด