คนหายเกือบ 2 เดือน หมอดูบอกยังไม่ตาย สุดท้ายเจอโครงกระดูกเพราะหมาคาบเล่น

คนหายเกือบ 2 เดือน หมอดูบอกยังไม่ตาย สุดท้ายเจอโครงกระดูกเพราะหมาคาบเล่น

คนหายเกือบ 2 เดือน หมอดูบอกยังไม่ตาย สุดท้ายเจอโครงกระดูกเพราะหมาคาบเล่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หนุ่มวัย 44 ปี ป่วยลมชัก หายตัวไปเดือนกว่าๆ ญาติฝันเห็นใส่ชุดดำยืนนอกบ้าน แต่หมอดูบอกยังไม่ตาย สุดท้ายเจอโครงกระดูกเพราะหมาคาบเล่น

(11 พ.ย.64) เมื่อเวลา 19.00 น. ร.ต.อ.ประวิทย์ อิ่มใจ รอง (สอบสวน) สภ.ห้วยหลวง อ.เมืองอุดรธานี ได้รีบแจ้งมีคนพบโครงกะโหลกศีรษะและกระดูกมนุษย์ ที่เถียงนาท้ายบ้านบ่อน้อย หมู่ 11 ต.เชียงยืน จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน อาสากู้ภัยอุดรสว่างเมธาธรรม รุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบกะโหลกศีรษะมนุษย์ ห่างไปประมาณ 100 เมตร ติดกับไร้อ้อย พบโครงกระดูกวางกระจัดกระจายอยู่ในพงหญ้า และมีเสื้อผ้ากองอยู่ด้วย  เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้เก็บกะโหลกและกระดูกมากองและห่อด้วยผ้าขาว และระบุว่าเป็นกระดูกมนุษย์ผู้ชาย เสียชีวิตมาประมาณ 1-2 เดือน

นายสุพจน์ อายุ 58 ปี ผู้พบโครงกระดูก เล่าว่า มาสูบน้ำใส่นาข้าว เสร็จแล้วจึงเดินเก็บท่อพีวีซี และรดน้ำต้นไม้ที่เถียงนา ก็มาพบกะโหลกมนุษย์วางอยู่ คิดว่าเป็นของเล่นที่หมาคาบมา แต่พอดูดีๆ พบว่าเป็นกะโหลกมนุษย์  ต่อมาหมาตัวผู้ชื่อ “บักจ่อย” ซึ่งเป็นหมา 1 ใน 8 ตัวที่ตนเลี้ยงไว้ ได้คาบกระดูกมาอีก ตนจึงเรียกเพื่อนมาดู พบโครงกระดูกมนุษย์กระจัดกระจายอยู่ในพงหญ้า จึงแจ้งผู้ใหญ่บ้าน ให้แจ้งตำรวจมาตรวจสอบ

ต่อมามีนางสมบูรณ์ อายุ 76 ปี ซึ่งมีเถียงนาอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุ ได้เดินทางมาดูโครงกระดูก  และมั่นใจว่าโครงกระดูกนี้เป็นโครงกระดูก นายกิตติศักดิ์ อายุ 44 ปี ลูกชายซึ่งหายออกจากบ้านเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2564 อย่างแน่นอน

นางสมบูรณ์ เล่าว่า ตนมีลูก 6 คน นายกิตติศักดิ์เป็นลูกคนที่ 5 เมื่อ 3 ปีก่อน ลูกได้ประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์ล้มได้รับบาดเจ็บสาหัส ทำให้ต้องผ่าตัดสมอง เมื่อรักษาหายกลับบ้าน ก็ต้องกลายเป็นคนพิการทำงานไม่ได้ แถมยังมีอาการลมชักอีกด้วย ลูกชอบเดินจากบ้านไปเถียงนาประจำ โดยก่อนหายตัวไปลูกมีอาการลมชักกำเริบอยู่ที่บ้าน พอปฐมพยาบาลหายแล้ว พี่ชายก็นำมานอนเล่นที่เถียงนา และเย็นวันที่ 23 กันยายน ลูกได้เดินจากเถียงนาเพื่อกลับบ้าน แต่ลูกก็กลับไม่ถึงบ้าน ตนและญาติได้ออกตามหาแต่ก็ไม่พบ ตนเชื่อว่าลูกจะหลงทาง ผ่านไป 48 ชม. จึงได้ไปแจ้งคนหาย และแจ้งมูลนิธิกระจกเงา

“ตลอดเวลาที่ลูกหายออกจากบ้าน ตนก็ใส่บาตรพร้อมกับอธิษฐานว่าขอให้พบลูกทุกครั้ง และพากันไปดูหมอตามที่ต่างๆ ซึ่งหมอดูก็บอกว่ายังไม่ตาย ยังมีชีวิตอยู่ เดือนพฤศจิกายนจะกลับมาบ้าน แต่ขณะรอให้ลูกกลับมา ตนก็ฝันเห็นลูกกลับมาบ้าน แต่เดินรอบบ้าน ไม่เข้าบ้าน และยังมีญาติพี่น้องฝันเห็น ว่าลูกสวมชุดดำกลับมาบ้าน แต่ยืนอยู่นอกบ้าน และวันนี้ก็ขณะมัดดอกไม้ขายวันพระ มีชาวบ้านไปบอกว่า มีคนพบโครงกระดูกมนุษย์ จึงรีบมาดู และมั่นใจว่าเป็นโครงกระดูกของลูกแน่นอน เพราะบริเวณนี้ไม่มีใครหายไป นอกจากลูกตนที่หายตัวไป ที่สำคัญที่กะโหลกมีรอยผ่าตัดสมอง ไม่ดีใจเพราะลูกเสียชีวิต แต่รู้สึกโล่งใจที่พบลูกแล้ว”

ส่วนนางหนูพิศ อายุ 64 ปี อาผู้ตาย เล่าว่า ตั้งแต่หลานหายตัวไป ก็ฝันเห็นหลานหลายครั้ง  ฝันว่าหลานถือลูกโปร่งสวรรค์จำนวนมากลอยลงมา ซึ่งลูกโปร่งทุกลูกเสียบด้วยเข็มฉีดยา  ต่อมาฝันเห็นหลานใส่ชุดดำมาบ้านกับเพื่อนผู้ชายรวม 7 คน แต่ยืนอยู่หน้าบ้าน เข้าบ้านไม่ได้ และพูดให้พี่ชายฟัง หลังจากนั้นก็ไปดูหมอ ซึ่งหมอดูบอกว่ายังไม่ตาย ยังอยู่ในป่า เดือนนี้ก็จะเห็น พวกตนก็พากันไปหาในตัวเมืองอุดรธานี แต่ก็ไม่พบ ทุกครั้งที่ฝันผู้ตายจะเข้าบ้านไม่ได้  จึงปรึกษากันว่าคงจะตายเป็นผีแล้ว

ตำรวจสันนิษฐานว่า ขณะที่ผู้ตายเดินกลับบ้านตามลำพัง แต่โรคลมชักกำเริบ ไม่มีใครพบเห็นและช่วยเหลือ จึงทำให้เสียชีวิต และที่มีการแจ้งคนหายเพียงคนเดียว จึงมอบโครงกระดูกให้นางสมบูรณ์ นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ต่อไป

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook