ประยุทธ์ ปลุกใจนักศึกษา วปอ. "ยืนในโรงหนัง" ขออย่ากลัวโดนบูลลี่

ประยุทธ์ ปลุกใจนักศึกษา วปอ. "ยืนในโรงหนัง" ขออย่ากลัวโดนบูลลี่

ประยุทธ์ ปลุกใจนักศึกษา วปอ. "ยืนในโรงหนัง" ขออย่ากลัวโดนบูลลี่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯเปิดการศึกษาหลักสูตร วปอ. ปลื้มฟังเพลง "บ้านเกิดเมืองนอน" ปลุกร่วมกันมุ่งมั่นรักษาแผ่นดิน ไทยไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ด้วยพระสติปัญญาพระมหากษัตริย์ พร้อมขอให้ทุกกล้าหาญยืนในโรงหนัง

ที่อาคารอเนกประสงค์ สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดการศึกษาหลักสูตรการป้องกันราชอาณาจักร (วปอ.) รุ่นที่ 64 มีผู้เข้ารับการศึกษา 288 คน และนักศึกษาจากมิตรประเทศ รวมถึงนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมเรียนวปอ.รุ่น 64 ด้วย

จากนั้น นักศึกษา วปอ.ได้ร่วมขับร้องเพลง "บ้านเกิดเมืองนอน" โดยระบุว่าเป็นเสมือนการตั้งปณิธานร่วมกันว่า "จะรัก สามัคคี และช่วยกันรักษาบ้านเมือง เพื่อเป็นกำลังใจนายกฯ

หลังจบเพลง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ฟัง อ่านเนื้อร้องแล้วคิดตามไป ในนั้นมีคำว่า "เคย" อยู่หลายตัว แต่วันนี้เราต้องสร้างสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบันให้เข้มแข็ง แข็งแรงที่สุด ไม่ว่าจะประเทศ ประชาชน และทุกส่วนงานที่เกี่ยวข้อง ภาครัฐ ภาคเอกชน รัฐวิสาหกิจ ประชาชน จะต้องมุ่งมั่นในการที่จะรักษาแผ่นดินนี้ไว้ ซึ่งเป็นแผ่นดินเดียวที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน ในอดีตที่ผ่านมาประวัติศาสตร์เรามีแผ่นดินที่กว้างใหญ่ ด้วยอำนาจจากภายนอก และเราเข้มแข็งไม่เพียงพอ

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แต่สิ่งสำคัญที่ทุกคนอาจจะลืมไปแล้วว่า ประเทศไทยสามารถจะรักษาความเป็นอิสระไว้ได้ ไม่ได้เป็นเมืองขึ้นของใคร ด้วยพระสติปัญญาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในรัชกาลก่อนหน้านั้น นี้คือสิ่งที่ทุกคนต้องระลึกถึงให้มากกว่านี้ นั่นคือสถาบันพระมหากษัตริย์ ได้เริ่มต้น ได้สร้างคุณประโยชน์มากมายในหลายมิติด้วยกัน ท่านทรงเริ่มต้นทุกอย่าง และเราก็ไม่เคยมีความขัดแย้งกันในชาติ จวบจนถึงรัชกาลปัจจุบัน ที่ท่านทรงรับสั่งทั้งพระราโชบาย พระปฐมราชโองการ ที่ทรงกล่าวครั้งแรก เมื่อขึ้นครองราชย์ในรัชกาลที่ 10 คือ สืบสาน รักษา ต่อยอด สิ่งที่ทำกันมาแล้ว

จากนั้น นายกรัฐมนตรี บรรยายเรื่อง “บทบาทของภาครัฐ เอกชน และการเมืองในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ”ว่า ไทยมีพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีความแข็งแกร่ง อาหาร ทรัพยากรธรรมชาติ ภาคอุตสาหกรรมและบริการ แข่งขันทัดเทียมนานาอารยะประเทศได้ เราต้องปรับกระบวนการเหล่านี้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงต่อสภาวะภายนอก และเราจะก้าวไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน วันนี้เราเป็นอยู่แล้ว ทุกคนอยู่ภายในกฎหมายเดียวกัน นั่นคือความเท่าเทียมในเรื่องของโอกาสและกฎหมาย ซึ่งเราจะต้องดูแลผู้ที่มีรายได้น้อยด้วย และความเป็นธรรม เราต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้ให้ได้ เรามีสิ่งที่ดีๆอยู่แล้ว ในเรื่องของประชาธิปไตย

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราต้องปรับกระบวนการเหล่านี้ให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภายนอก และก้าวไปสู่การเป็นประชาธิปไตยที่เข้มแข็งและยั่งยืน วันนี้เราเป็นอยู่แล้ว ทุกคนอยู่ภายในกฎหมายเดียวกัน นั่นคือความเท่าเทียมในเรื่องของโอกาสและกฎหมาย หลายอย่าง ในเรื่องความเป็นธรรมดูแลผู้ที่มีรายได้น้อยต่างๆ เหล่านี้ด้วย ดังนั้นสองคำคือ โอกาสและความเท่าเทียม

"รัฐบาลนี้ทำหลายอย่างก้าวหน้าไปพอสมควร โดยเฉพาะการแก้ไขปรับปรุงกฎหมายหลายฉบับ ที่อยู่ในกระบวนการของสภา ตั้งพ.ร.บ.ใหม่ๆ และแก้ไขกฎระเบียบเก่าๆ วันนี้เราพยายามเดินหน้าไปเรื่อยๆโดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับการค้า การลงทุน ดิจิทัลต่างๆ ซึ่งต้องแก้ไขทั้งหมด เพราะบางกฎหมายใช้มานานแล้ว ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลง รัฐบาลเข้าใจดีถึงปัญหา ทุกคนก็ต้องการให้แก้ปัญหาของตัวเอง แต่ก็นึกถึงปัญหาส่วนร่วมว่ามีผลกระทบกับใครบ้าง ตนก็ฟังทุกด้าน บางอย่างแก้ได้ทันที บางอย่างแก้ไม่ได้ เพราะไปพันกระทบกับคนอื่น ก็ต้องใช้เวลา" นายกรัฐมนตรี กล่าว

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ทุกอย่างวันนี้เรื่องการเมืองต้องเดินไปด้วยกัน และต้องระมัดระวังเรื่องการให้ข่าว ทุกคนช่วยได้อยู่แล้ว ดูสิว่าใช่หรือไม่ใช่ จริงหรือไม่จริง มาช่วยกันบอกเพื่อนฝูงพี่น้อง อีกประการหนึ่งฝากเรื่องการยืนในห้องชมภาพยนตร์ด้วย นึกออกหรือไม่ บางคนอยากยืนแต่ไม่กล้ายืน กลัวถูกบูลลี่ เราต้องกล้าหาญที่จะยืนคงเข้าใจนะ ไม่ได้บังคับ แต่เราเป็นครอบครัวเดียวกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook