สาวนางรองช้ำ ถูกเสี่ยเต็นท์รถที่เคยเปย์ ฟ้อง 15 ล้าน หลังเมียเสี่ยจับได้ว่าแอบกิ๊กกัน
![สาวนางรองช้ำ ถูกเสี่ยเต็นท์รถที่เคยเปย์ ฟ้อง 15 ล้าน หลังเมียเสี่ยจับได้ว่าแอบกิ๊กกัน](http://s.isanook.com/ns/0/ud/1694/8473282/sanook_thumbnail_1200x720-2.jpg?ip/crop/w728h431/q80/jpg)
วานนี้(13 พ.ย.) น.ส.น้อย (นามสมมติ) อายุ 37 ปี ชาว อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ เข้าร้องขอความช่วยเหลือและขอความเป็นธรรมที่ศูนย์ดำรงธรรมอำเภอนางรอง หลังจากถูก เสี่ยใหญ่เจ้าของธุรกิจเต็นท์รถชื่อดังในอำเภอนางรอง ฟ้องร้องกล่าวหาฉ้อโกงโดยเรียกเงินถึง 15 ล้านบาท ทั้งยังฟ้องเอาผิด แม่ซึ่งป่วยจิตเวช น้องชาย และน้องสาวที่ยังเป็นเยาวชนอีก 3 คน โดยกล่าวหาว่าร่วมกันฉ้อโกง ทั้งที่แม่และน้องทั้งสองคนไม่ได้รู้เรื่องที่ตนแอบคบหาหรือเป็นกิ๊กกับเสี่ยคนดังกล่าว ส่วนตัวเองก็ยืนยันว่าไม่ได้ฉ้อโกงเสี่ย เพราะได้คบหาเป็นกิ๊กมีสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาวกันมาตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งเสี่ยเป็นฝ่ายส่งเสียเลี้ยงดูด้วยความเสน่ห์หา ไม่ได้มีการหลอกลวง แต่พอภรรยาเสี่ยจับได้ว่าเสี่ยมาแอบคบหาและมีสัมพันธ์กับตนเอง เสี่ยกลับให้โกหกภรรยาว่าแค่รู้จักกัน ส่วนเงินที่เสี่ยโอนให้ใช้ก็แค่ขอยืม ด้วยความที่ไว้ใจจึงพูดไปตามที่เสี่ยบอกทุกอย่าง แต่สุดท้ายเสี่ยกลับฟ้องร้องกล่าวหาว่าตนเองฉ้อโกง แถมยังฟ้องเอาผิดแม่ที่ป่วยจิตเวช น้องชายและน้องสาวที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วย
น.ส.น้อย เล่าว่า ตนได้รู้จักกับเสี่ยเมื่อปี 2557 เพราะไปซื้อเก๋งกับเต็นท์รถของเสี่ย มาไว้ใช้งาน แต่พอซื้อมารถก็เริ่มมีปัญหา ทำให้ตนต้องติดต่อกับเสี่ยเจ้าของเต็นท์บ่อยครั้ง จนเกิดความสนิทสนมและมีสัมพันธ์ลึกซึ้งกัน จากนั้นก็แอบคบหาและมีสัมพันธ์กันมาเรื่อยๆ ตั้งแต่ปี 2557 กระทั่งปี 2559 ภรรยาเสี่ยจับได้ว่าเสี่ยแอบมีกิ๊กหรือมีสัมพันธ์กับตนเอง จากนั้นเสี่ยก็ติดต่อมาหาตนแล้วบอกกับตนเองว่าถ้าภรรยา ถามเรื่องเงินที่โอนให้ก็ให้บอกว่าเป็นเงินที่ยืม ทั้งยังบอกให้ตนเองไปมีครอบครัวได้เสี่ยไม่ว่าอะไร
หลังถูกภรรยาจับได้ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกับเสี่ย และตนเองก็ไปมีครอบครัวมีลูกกับผู้ชายคนอื่น แต่จู่ๆ ปี 2559 ก็ได้รับหมายศาลส่งไปที่บ้านพอเปิดอ่านก็แทบช็อก เพราะถูกเสี่ยฟ้องกล่าวหาว่าตนเอง รวมถึงแม่ที่ป่วยเป็นจิตเวชมาตั้งแต่ปี 2553 ก่อนที่ตนจะคบหากับเสี่ยด้วยซ้ำ รวมถึงน้องชายคนกลาง และน้องสาวคนเล็กซึ่งตอนนั้นอายุ 16 ปียังเป็นเยาวชน ก็ถูกเสี่ยฟ้องเอาผิดฐานฉ้อโกงด้วยเช่นกัน ทั้งที่แม่ และน้องทั้งสองคนไม่ได้รู้เรื่องที่ตนคบหากันเสี่ยเลย โดยเสี่ยได้ฟ้องเรียกเงินที่เคยส่งเสียเลี้ยงดูตนเองคืน 15 ล้านบาท ต่อมาเสี่ยได้ถอนฟ้องน้องชาย จึงเหลือตนเอง แม่ และน้องสาวคนเล็กซึ่งศาลชั้นต้นได้สั่งจำคุก 9 ปี ตนจึงนำเงินที่มีอยู่ไปขอยื่นประกันตัวชั้นศาลเพื่อต่อสู้คดี
กระทั่งล่าสุด ศาลฎีกาได้ตัดสินจำคุกแม่ 5 ปี ตอนนี้แม่ถูกส่งเข้าเรือนจำไปแล้ว ส่วนตนเองและน้องสาวอยู่ระหว่างรอศาลตัดสิน ตนก็พยายามโทรศัพท์ไปพูดคุยขอความเห็นใจกับเสี่ย ซึ่งเสี่ยก็บอกว่า ถ้าจะให้ถอนฟ้องต้องจ่ายเงินคืนมา 8 ล้านบาท ตนก็รับปากจะทยอยหาเงินมาคืนให้ เพราะไม่อยากให้แม่กับน้องต้องมาเดือดร้อนด้วย แต่ช่วงที่ฟ้องร้องกันอยู่เสี่ยก็ยังติดต่อมาหาตนก็คบหามีสัมพันธ์กันอีกรอบ และเสี่ยก็ยังให้เงินใช้เหมือนเดิมอีก ตนจึงเก็บเงินดังกล่าวโอนคืนให้เสี่ยเรื่อยๆ ตามที่เสี่ยบอกหากจ่ายคืน 8 ล้านจะถอนฟ้องให้ ซึ่งตอนนี้ตนก็โอนคืนไปแล้วกว่า 1 ล้านบาท
แต่พอแม่ถูกศาลสั่งจำคุกและส่งตัวเข้าเรือนจำไปแล้ว ตนก็เริ่มไม่มั่นใจว่าถ้าตนทยอยจ่ายเงินคืนเสี่ยครบ 8 ล้านแล้ว เสี่ยจะถอนฟ้องตามที่รับปากไว้หรือไม่ จึงตัดสินใจออกมาร้องขอความเป็นธรรมอยากวิงวอนให้ผู้รู้กฎหมาย หรือหน่วยงานรัฐช่วยเหลือด้วย เพราะตอนนี้สงสารแม่มากที่ป่วยเป็นจิตเวชมีหลักฐานการรักษาที่ รพ.แต่กลับถูกจับติดคุกทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่อง และสงสารน้องสาวที่ไม่รู้ว่าศาลจะสั่งจำคุกกี่ปี เรื่องราวที่เกิดขึ้นตนยืนยันว่าไม่ได้ฉ้อโกงหรือหลอกลวงเสี่ย แต่เป็นเงินที่เสี่ยให้ด้วยความเสน่ห์หาครั้งละ 30,000 บ้าง 50,000 บ้าง ไม่ได้ให้เป็นก้อน แต่หากจะเอาผิดจริงๆ ก็ขอให้เอาผิดกับตนเองคนเดียว
ล่าสุดวันนี้ (14 พ.ย.64) นายเอ็ม(นามสมมติ) และ น.ส.บี (นามสมมติ) น้องชาย และน้องสาวของ น.ส.น้อย ที่เป็นกิ๊กกับเสี่ยและถูกฟ้อง ก็ออกมาวิงวอนขอความเป็นธรรมและขอความช่วยเหลือ จากผู้รู้กฎหมายเพราะตอนนี้ไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร และสงสารผู้เป็นแม่ที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยแต่กลับต้องถูกจับติดคุก ทั้งที่แม่ป่วยจิตเวช
โดย น.ส.บี น้องสาวบอกว่า ส่วนตัวเองรู้ว่าพี่สาวแอบคบหากับเสี่ยคนดังกล่าว เพราะเคยเห็นเสี่ยไปหาพี่สาว 2 – 3 ครั้ง แต่เห็นว่าเป็นเรื่องส่วนตัวก็ไม่ได้ยุ่งหรือถามอะไรพี่สาว กระทั่งปี 2559 ได้มีหมายศาลส่งมาที่บ้าน ว่าเสี่ยที่คบหากับพี่สาวได้ฟ้องพี่สาว แม่ พี่ชาย และตนเองรวมทั้งหมด 4 คน โดยกล่าวหาว่าร่วมกันฉ้อโกง โดยได้ฟ้องเรียกเงินที่ส่งเสียเลี้ยงดูพี่สาวคืน 15 ล้านบาท ตนก็ตกใจมากเพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรด้วย ไม่เคยได้เงินอะไรจากเสี่ยเลย และตอนนั้นตนก็อายุแค่ 15 ปี ยังเป็นเยาวชน จะไปมีส่วนรู้เห็นหรือฉ้อโกงได้อย่างไร
ส่วนแม่เองก็รักษาตัวอยู่ที่ รพ.จิตเวช จ.นครราชสีมา แทบไม่รู้เรื่องอะไรเลยเพราะมีภาวะจิตใจไม่ปกติ อ่านหนังสือไม่ออกเขียนก็ไม่ได้ ยิ่งพี่ชายก็ไม่รู้ว่าพี่สาวคบหากับเสี่ยแอบด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนั้นตนก็ได้ขึ้นศาลเด็กและเยาวชนซึ่งศาลก็ยกฟ้อง แต่เสี่ยกลับมาฟ้องใหม่อีกรอบตอนที่ตนอายุ 18 ปี
จากนั้นศาลชั้นต้นก็มีคำพิพากษาจำคุกตนเอง 9 ปี แต่ศาลอุทธรณ์ตนจำไม่ได้ว่าตัดสินอย่างไร ตอนนั้นเครียดมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร และไม่รู้จะหาหลักฐานอะไรไปยืนยัน มีแค่บัญชีธนาคารที่ยืนยันได้ว่าไม่เคยได้รับเงินโอนจากเสี่ย
ตอนนี้พี่สาวกับแม่ถูกศาลสั่งจำคุก 5 ปีก็ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ชีวิตจะเดินต่ออย่างไร ส่วนตัวเองก็ยังไม่รู้ชะตากรรมว่าศาลฏีกาจะตัดสินเมื่อไหร่ แล้วผลจะเป็นอย่างไร หากเป็นไปได้ก็อยากก็อยากให้ทนายความหรือผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือด้วย พร้อมพิสูจน์ความบริสุทธิ์ทุกอย่าง ซึ่งตนมองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องระหว่างเสี่ยกับพี่สาว ทำไมถึงฟ้องคนในครอบครัวที่ไม่เกี่ยวอะไรด้วย ก็อยากจะถามเสี่ยเหมือนกัน
ด้านนายเอ็ม น้องชายอีกคน บอกว่า ตัวเองไม่เคยรู้เลยว่าพี่สาวแอบคบหาหรือเป็นกิ๊กกับเสี่ย ตอนที่มีชื่อโดนฟ้องก็ตกใจและเครียดมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ต่อมาจู่ๆ เสี่ยก็ถอนฟ้องตนเองซึ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไรถึงได้ถอนฟ้อง ก็จะเหลือพี่สาว แม่ และน้องสาว ที่ยังถูกฟ้องส่วนตัวเองก็ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร ก็อยากวิงวอนให้ผู้รู้กฎหมายช่วยเหลือครอบครัวด้วย
ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังเสี่ยเต็นท์รถที่เป็นโจทย์ยื่นฟ้อง น.ส.น้อย และครอบครัว เพื่อจะสอบถามเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่เสี่ยปฏิเสธไม่ให้ข้อมูลและตัดสายโทรศัพท์ทิ้ง