นฤมล เผยถ้าเลือกตั้งรอบหน้า พปชร.ได้เป็นรัฐบาล จะรื้อระบบใหม่-ใช้ภาษีอย่างคุ้มค่า
วันนี้ (15 พฤศจิกายน 2564) นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐ มีความพร้อมในการเดินหน้า เพื่อเตรียมการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งพรรคได้มีการประชุม ส.ส. เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อกำหนดทิศทางการขับเคลื่อนการทำงานในรูปแบบของการรวมพลังเป็นหนึ่งเดียว ที่จะเป็นยุทธศาสตร์ในการวางบทบาทการทำงานให้ ส.ส.แต่ละคนได้อย่างเหมาะสม พร้อมเปิดโอกาส ส.ส.หน้าใหม่กว่า 70 เปอร์เซ็นต์ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในพรรคได้โชว์ฝีมือ และศักยภาพในการทำงานได้ตรงตามความสามารถที่มีอยู่บนพื้นที่ของการแก้ปัญหา
นางนฤมล กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ มีเป้าหมายสำคัญ เพื่อลดความยากจนให้กับประชาชนในระยะยาว รวมทั้งการลงพื้นที่รับฟังปัญหาเพื่อต่อยอดแนวทางที่จะขับเคลื่อนไปพร้อมกับนโยบายของพรรค อย่างไรก็ตามพรรคมีแนวทางดำเนินการในเรื่องทำนโยบายสานต่อ “บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ” หากได้รับเลือกตั้งจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้อีกครั้ง ซึ่งได้มีการวางแนวทางการเข้าถึงสิทธิสวัสดิการของประชาชนด้วยเพียงบัตรประชาชนใบเดียว ที่มีข้อมูลอายุ อาชีพ การศึกษา พื้นฐานความเป็นอยู่ เพื่อเป็นข้อมูลวิเคราะห์ความช่วยเหลือว่าควรจะได้รับสวัสดิการอะไร หรือที่เรียกได้ว่าเป็นถังข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ บิ๊กดาต้า เพื่อลดความซ้ำซ้อนในการเข้าถึงของประชาชน ที่จะทำให้การทำงานสานต่อได้อย่างรวดเร็วในการดูแลประชาชนอย่างเหมาะสมและเป็นระบบ ซึ่งแนวทางจะดูแลนับตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน แต่ไม่ใช่เพียงแค่การแจกเงินเพียงอย่างเดียว
นางนฤมล กล่าวว่า นโยบายนี้นับเป็นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐ มีความพร้อมในการผลักดันให้เกิดความสำเร็จได้ไม่ยาก หากการเลือกตั้งครั้งหน้าได้เป็นแกนนำรัฐบาล สิ่งแรกที่จะทำคือการเปลี่ยนและรื้อระบบใหม่ โดยเฉพาะเรื่องงบประมาณที่กระจัดกระจายไปอยู่แต่ละกระทรวง ที่ส่งผลให้การเข้าช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะมีขั้นตอนหลายอย่าง รวมถึงข้อมูลประชาชนที่มีความซ้ำซ้อน ก็จะต้องนำมาไว้รวมเป็นจุดเดียวกันเพื่อในการดูแลและเข้าถึงให้ครอบคลุมลดการตกหล่น ซึ่งถือเป็นการใช้เงินภาษีของประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต้องมีการสนับสนุนจากประชาชนให้เกิดรัฐบาลที่มีความพร้อมในการผลักดัน ซึ่งพรรคพลังประชารัฐยืนยันว่าสิ่งเหล่านี้คือคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ที่เป็นแรงพลังให้พรรคต่อสู้เคียงข้างไปพร้อมกับประชาชนที่ให้ความไว้วางใจในการเลือกพรรคพลังประชารัฐกลับมาอีกครั้ง