สรุปร่างแก้ รธน. "รื้อระบอบประยุทธ์" ที่ประชาชนลงชื่อกว่าแสนราย ส่งให้รัฐสภาพิจารณา

สรุปร่างแก้ รธน. "รื้อระบอบประยุทธ์" ที่ประชาชนลงชื่อกว่าแสนราย ส่งให้รัฐสภาพิจารณา

สรุปร่างแก้ รธน. "รื้อระบอบประยุทธ์" ที่ประชาชนลงชื่อกว่าแสนราย ส่งให้รัฐสภาพิจารณา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มาลองอ่านข้อสรุปเนื้อหาของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ "รื้อระบอบประยุทธ์" ที่ประชาชนร่วมลงชื่อกว่า 1.5 แสนรายชื่อ ส่งให้ที่ประชุมร่วมรัฐสภาพิจารณา

วันที่ 16-17 พฤศจิกายน 2564 นี้มีกำหนดการประชุมรัฐสภา ที่จะนำร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับที่เสนอโดยภาคประชาชน เข้าสู่การพิจารณา ร่างฉบับนี้มีชื่อเล่นว่าร่าง "รื้อระบอบประยุทธ์" ที่มีข้อเสนอมุ่งหมายจะจัดการกับประเด็นปัญหาหลักๆ ในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยังเป็นนายกรัฐมนตรีต่อได้ไม่ว่าจะได้รับความนิยมจากประชาชนมากน้อยเพียงใด และเป็นชุดข้อเสนอที่มีประเด็นหลากหลาย นำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับโครงสร้างทางการเมือง ชนิด "ไม่ประนีประนอม"

ข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับ "รื้อระบอบประยุทธ์" จากกลุ่ม Re-Solution ที่มาจากการเข้าชื่อของประชาชน 150,921 คน (ผ่านการตรวจรายชื่อ 135,247 รายชื่อ) เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา อีกครั้งหนึ่ง ถือเป็นภาคสามของการพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 และเป็นครั้งที่สองที่ร่างจากประชาชนได้เข้าสู่สภา เนื้อหาสำคัญคือเสนอให้ยกเลิกวุฒิสภา แต่ยังคงต้องการเสียงสนับสนุนจาก ส.ว. ด้วย

ความพยายามที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 ของ คสช. เพื่อพาระบอบการปกครองกลับเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ปกติยังคงเดินหน้าต่อไป แม้ว่าในช่วงปีเศษที่ผ่านมาจะมีการเสนอร่างแก้ไขต่อรัฐสภาแล้วรวมทั้งสิ้น 20 ฉบับ และรัฐสภาเปิดการประชุมเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้วอย่างน้อย 2 ภาค แต่ก็มีร่างเพียงฉบับเดียวที่ผ่านกระบวนการพิจารณาที่ "ยากที่สุดในประวัติศาสตร์" ของรัฐสภาได้สำเร็จ คือ ข้อเสนอที่ให้แก้ไขระบบเลือกตั้ง ส.ส.

ในการพิจารณาของรัฐสภาครั้งนี้ มีกำหนดจะประชุมกันทั้งหมด 18 ชั่วโมง ตั้งแต่เวลา 9.00 น. เป็นต้นไป โดยผู้เสนอร่างรัฐธรรมนูญได้เวลา 3 ชั่วโมง สมาชิกวุฒิสภา 5 ชั่วโมง สมาชิกพรรคร่วมรัฐบาล 5 ชั่วโมง และสมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้าน 5 ชั่วโมง ซึ่งเมื่อรวมกำหนดเวลาข้างต้น จะอภิปรายเสร็จในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564 เวลา 03.00 น. หรือหากการพิจารณาเกินเวลาก็อาจจะต้องยกไปพิจารณาต่อในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นก็จะลงมติกันในวันพุธที่ 17 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.00 น.

ข้อเสนอของร่าง "รื้อระบอบประยุทธ์” สามารถสรุปได้ดังนี้

1. ยกเลิก ส.ว.

ให้รัฐสภาไทยใช้ระบบสภาเดี่ยว มีแต่สภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) มาจากการเลือกตั้ง 500 คน ไม่มีสมาชิกวุฒิสภาอีกต่อไป โดยระบบการเลือกตั้ง ส.ส. ร่างฉบับนี้ไม่ได้เสนอให้เปลี่ยนแปลงแค่เสนอตามที่รัฐธรรมนูญ 2560 เขียนไว้ก่อนการเสนอร่างฉบับนี้

2. โละศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระ

ให้ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญและกรรมการในองค์กรอิสระ ที่ดำรงตำแหน่งอยู่และมาจากระบบการคัดเลือกของ คสช. พ้นจากตำแหน่ง และให้คัดเลือกคนใหม่ มีที่มาจากระบบการคัดเลือกที่เสนอชื่อโดยที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด พรรคร่วมรัฐบาล พรรคร่วมฝ่ายค้าน และให้ ส.ส. ลงมติเลือกคนที่ได้คะแนนสูงที่สุดจากชื่อที่เสนอมาทั้งหมด

3. ยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ คสช.

ให้ยกเลิกแผนยุทธศาสตร์ของ คสช. ที่วางอนาคตข้างหน้าไว้ 20 ปี และยกเลิกหมวด 16 การปฏิรูปประเทศ ในรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งเป็นกลไกที่ คสช. ตั้งคนของตัวเองเข้าไปร่างเนื้อหาและอยู่ในกลไกการบังคับใช้ทั้งหมด

4. เขียนให้ชัด นายกฯ ต้องเป็น ส.ส.

เงื่อนไขของ “ที่มานายกฯ” คงไว้ซึ่งระบบบัญชีที่พรรคการเมืองต้องแจ้งรายชื่อว่าที่นายกรัฐมนตรีไม่เกินพรรคละสามรายชื่อ แต่เขียนให้ชัดเจนขึ้นว่า ให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมตรีจากบุคคลที่ซึ่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แปลว่า นายกฯ ต้องเป็น ส.ส. เท่านั้น และพล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกฯภายใต้ร่างฉบับนี้ไม่ได้

5. เสนอกลไกต่อต้านรัฐประหาร

เสนอหมวด 16 ใหม่ ชื่อว่า “การลบล้างผลพวงรัฐประหาร” ให้ยกเลิกการนิรโทษกรรมตัวเองของคุณรัฐประหาร 2557 กำหนดให้ปวงชนชาวไทยมีสิทธิและหน้าที่ในการต่อต้านการรัฐประหาร ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน้าที่ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของคณะทหารที่ก่อการรัฐประหาร ห้ามไม่ให้ศาลพิพากษารับรองความสำเร็จของการรัฐประหาร

6. เพิ่มอำนาจตรวจสอบให้ฝ่ายค้าน

ให้เพิ่มกลไกพิเศษของรัฐสภาขึ้น ได้แก่ คณะผู้ตรวจการกองทัพ คณะผู้ตรวจการศาล และคณะผู้ตรวจการองค์กรอิสระ โดยให้มีสมาชิก 10 คนที่ต้องเป็น ส.ส. ฝ่ายค้านอย่างน้อย 5 คน และบังคับให้คณะกรรมาธิการ ส.ส. ที่เกี่ยวกับกฎหมาย งบประมาณ การทุจริต ฯลฯ ต้องให้ฝ่ายค้านเป็นประธานอย่างน้อย 5 คณะ

7. เพิ่มอำนาจการเข้าชื่อของประชาชน

นำเสนอระบบใหม่ให้ประชาชนเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 20,000 คน “ตรวจสอบตุลาการ” ที่ส่อทุจริตต่อหน้าที่หรือจงใจใช้อำนาจขัดต่อกฎหมายได้ รวมทั้งเสนอตรวจสอบผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระทั้งหลายด้วย การเข้าชื่อเสนอกฎหมายโดยประชาชน 10,000 คนก็สามารถเสนอได้ทุกประเด็นไม่มีข้อจำกัด รวมทั้งกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook