รวบคารถไฟ! ตำรวจจับชายวัย 65 หนีโทษจำคุก-ค่าปรับ 175 ล้าน หวังเลี่ยงภาษีศุลกากร

รวบคารถไฟ! ตำรวจจับชายวัย 65 หนีโทษจำคุก-ค่าปรับ 175 ล้าน หวังเลี่ยงภาษีศุลกากร

รวบคารถไฟ! ตำรวจจับชายวัย 65 หนีโทษจำคุก-ค่าปรับ 175 ล้าน หวังเลี่ยงภาษีศุลกากร
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตำรวจรวบชายวัย 65 คารถไฟ หลังหลบหนีโทษจำคุกและค่าปรับเป็นเงินกว่า 175 ล้านบาท หวังเลี่ยงภาษีศุลกากร

กองบังคับการตำรวจรถไฟ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ได้สั่งการให้ พล.ต.ต.อำนาจ ไตรพจน์ ผบก.รฟ., พ.ต.อ.ปัญญา กล้าประเสริฐ รอง ผบก.รฟ., พ.ต.อ.ขวัญชัย พัฒรักษ์ ผกก.2 บก.รฟ., พ.ต.ท.จักรพันธ์ จันวนา รอง ผกก.2 บก.รฟ., พ.ต.ท.เอนก ยอดหมวก รอง ผกก.2 บก.รฟ. พร้อมเจ้าหน้าที่ชุดจับกุม ร่วมกันจับกุม นายสุจิตร์ อายุ 65 ปี ซึ่งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ที่ 130/2562 ลงวันที่ 29 เมษายน 2562

ซึ่งต้องหาว่ากระทำความผิดฐาน “พระราชบัญญัติศุลกากร และ พระราชบัญญัติให้บำเหน็จในการปราบปรามผู้กระทำผิด” โดยจับกุมขณะโดยสารบนรถไฟขบวนรถด่วนพิเศษ 9 (กรุงเทพ-เชียงใหม่) เมื่อวันที่ 15 พ.ย. 64 เวลา 19.45 น.

พฤติการณ์ผู้ต้องหาเป็นกรรมการบริษัทนำเข้าสารเคมี (PVC) เพื่อทำพลาสติกส่งออกให้ต่างประเทศ โดยการนำเข้าได้มีกระบวนการหลีกเลี่ยงภาษีศุลกากรเกิดขึ้น จนถูกฟ้องร้องดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.ศุลกากรฯ มาตรา 27 ซึ่งบัญญัติว่า ผู้ที่นำพาหรือพาของที่ยังมิได้เสียภาษี หรือของต้องจำกัด หรือของต้องห้าม หรือที่ยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้องเข้ามาในราชอาณาจักรไทยก็ดี หรือช่วยเหลือประการใดๆ ในการนำเข้าของเช่นว่านี้เข้ามาหรือส่งออกไปก็ดีฯ หรือเกี่ยวข้องด้วยประการใดๆ ในการหลีกเลี่ยง หรือพยายามหลีกเลี่ยงการเสียค่าภาษีศุลกากรฯ มีโทษสำหรับความผิดครั้งหนึ่งๆ ให้ปรับเป็นเงิน 4 เท่าของราคาของซึ่งได้รวมค่าอากรเข้าด้วยแล้ว หรือ จำคุกไม่เกิน 10 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ

และ มาตรา 96 บัญญัติว่า ถ้าในเวลาใดเวลาหนึ่ง ปรากฏว่าของในคลังสินค้ามีปริมาณน้อยลงกว่าที่จดไว้ในใบขนสินค้าเดิมเมื่อนำของนั้นเข้าเก็บ และปริมาณที่ต่างกันนี้ไม่มีเหตุผลปรากฏในบันทึกของพนักงานฯ ให้ถือว่าของตามปริมาณที่ต่างกันอันแสดงเหตุมิได้นั้น เป็นของที่ได้ย้ายขนไปโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงาน ให้ใช้มาตรา 27 บังคับแก่กรณีนี้

ทั้งนี้ ผู้ต้องหาได้ต่อสู้คดีความจนชนะในศาลชั้นต้น และชั้นอุทธรณ์ ต่อมาพนักงานอัยการยื่นอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา จนในที่สุดศาลฎีกาพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติศุลกากรฯ พิพากษาลงโทษให้จำคุก 1 ปี และปรับเป็นเงินจำนวน 175,657,455.88 บาท

ผู้ต้องหาจึงหลบหนีจนกระทั่งถูกศาลออกหมายจับดังกล่าว เมื่อสามารถจับกุมได้ เจ้าหน้าที่จึงนำตัวผู้ต้องหานำส่งศาลเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย โดยสอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น ซึ่งผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook