จำลองผลเลือกตั้ง หลังแก้รัฐธรรมนูญเป็นบัตร 2 ใบ ใครเกิดใครดับ
รัฐธรรมนูญ 2560 ถูกแก้ไขให้เปลี่ยนระบบเลือกตั้งอย่างเป็นทางการเมื่อวันอาทิตย์ (21 พ.ย.) จากระบบเลือกตั้งบัตรใบเดียวแล้วนำไปคำนวณคะแนนแบบเขตและแบบปาร์ตี้ลิสต์ มาเป็นบัตร 2 ใบ แยกระบบออกจากกัน และเปลี่ยนสัดส่วน ส.ส.เขต เพิ่มเป็น 400 คน และ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ เหลือเพียง 100 คน
การแก้ไขดังกล่าวทำให้มีการคาดการณ์ไปต่างๆ นานาว่าพรรคใหญ่จะมีเสียงมากขึ้น ทำให้เมื่อได้เป็นรัฐบาลแล้วจะควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาลได้ดีขึ้นด้วย
ดังนั้น sanook.com จึงใช้โอกาสนี้จำลองผลการเลือกตั้ง โดยใช้คะแนนเมื่อการเลือกตั้งปี 2562 มาคำนวณ โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งกาพรรคเดียวกันทั้ง 2 ใบ และแบบแบ่งเขตใช้การเทียบบัญญัติไตรยางค์ จาก 350 เป็น 400 เขต
พรรค | ส.ส.เขต |
เพื่อไทย | 156 |
พลังประชารัฐ | 111 |
อนาคตใหม่ | 34 |
ประชาธิปัตย์ | 38 |
ภูมิใจไทย | 45 |
เสรีรวมไทย | 0 |
ชาติไทยพัฒนา | 7 |
ประชาชาติ | 7 |
เศรษฐกิจใหม่ | 0 |
รวมพลังประชาชาติไทย | 1 |
เพื่อชาติ | 0 |
พลังท้องถิ่นไท | 0 |
ชาติพัฒนา | 1 |
รวม | 400 |
ส่วนจำนวน ส.ส. แบบปาร์ตี้ลิสต์นั้น เมื่อนำไปคำนวณเพื่อหาสัดส่วนแล้ว จะได้ตัวเลขที่มีทศนิยมมาด้วย จุดนี้เองที่ทำให้มีความเห็นที่แตกต่างว่า จะปัดเศษเพื่อให้ครบ 100 คน ตามหลักการคณิตศาสตร์ง่ายๆ เลย หรือใช้วิธีการคำนวณคล้ายการเลือกตั้งปี 2562 ที่มีพรรคเล็กได้เข้าสภาจำนวนมาก
หากใช้วิธีปัดเศษอย่างง่ายให้ครบ 100 คน ตัวเลขที่ออกมาจะไม่ครบ 100 คน ดังนั้นอาจต้องใช้วิธีที่ 2 และเมื่อพิจารณาจากรัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขพบว่าไม่มีการกำหนดคะแนนขั้นต่ำของ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เอาไว้ วิธีนี้จึงมีโอกาสสูงทีเดียว
การคำนวณตามวิธีนี้คือ
- นำคะแนนดิบที่พรรคได้หารด้วยคะแนนรวมทั้งประเทศ แล้วคูณด้วย 100
- ตัวเลขที่ออกมาจะมีทศนิยมหลายตำแหน่ง ให้นำเฉพาะจำนวนเต็มของค่านั้นแยกออกมา เพื่อดูว่ามี ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ตามจำนวนเต็มแล้วกี่คน และยังขาดอีกกี่คน
- นำตัวเลขที่มีทศนิยมตั้ง แล้วนำจำนวนเต็มดังกล่าวลบ ก็จะได้เศษ
- นำเศษของแต่ละพรรคมาเรียงว่าใครมีเศษเยอะสุด แล้วแจก ส.ส. พรรคละ 1 คน ตามจำนวน ส.ส. ที่ยังขาด จนครบ 100 คน
พรรค | ส.ส.เขต | ปาร์ตี้ลิสต์ | จัดสรรเพิ่ม | รวม |
เพื่อไทย | 156 | 22 | 178 | |
พลังประชารัฐ | 111 | 23 | 1 | 135 |
ภูมิใจไทย | 45 | 10 | 1 | 56 |
อนาคตใหม่ | 34 | 17 | 1 | 52 |
ประชาธิปัตย์ | 38 | 11 | 49 | |
ชาติไทยพัฒนา | 7 | 2 | 9 | |
ประชาชาติ | 7 | 1 | 1 | 9 |
เสรีรวมไทย | 0 | 2 | 1 | 3 |
รวมพลังประชาชาติไทย | 1 | 1 | 2 | |
ชาติพัฒนา | 1 | 0 | 1 | 2 |
เศรษฐกิจใหม่ | 0 | 1 | 1 | 2 |
เพื่อชาติ | 0 | 1 | 1 | |
พลังท้องถิ่นไท | 0 | 0 | 1 | 1 |
รักษ์ผืนป่าประเทศไทย | 0 | 0 | 1 | 1 |
รวม | 400 | 91 | 9 | 500 |
เมื่อนำมาเปรียบเทียบกับวิธีการเลือกตั้งแบบเดิมตามรัฐธรรมนูญ 2560 พบว่า พรรคที่มี ส.ส.เขต จะได้เปรียบ ขณะเดียวกัน พรรคที่ได้รับการจัดสรรปาร์ตี้ลิสต์เยอะ อย่างเช่น พรรคเสรีรวมไทย พรรคอนาคตใหม่ (ปัจจุบันพรรคถูกยุบ ขณะนี้สามารถอ้างอิงได้ว่าคือ พรรคก้าวไกล) หรือแม้แต่พรรครวมพลังประชาชาติไทย และพรรคขนาดเล็ก จะได้รับผลกระทบอย่างหนัก
พรรค | แบบใหม่ | แบบเก่า | เปลี่ยนแปลง (%) |
เพื่อไทย | 178 | 136 | +23.60 |
พลังประชารัฐ | 135 | 116 | +14.07 |
ภูมิใจไทย | 56 | 51 | +8.93 |
อนาคตใหม่ | 52 | 81 | -55.77 |
ประชาธิปัตย์ | 49 | 53 | -8.16 |
ชาติไทยพัฒนา | 9 | 10 | -11.11 |
ประชาชาติ | 9 | 7 | +22.22 |
เสรีรวมไทย | 3 | 10 | -233.33 |
รวมพลังประชาชาติไทย | 2 | 5 | -150.00 |
ชาติพัฒนา | 2 | 3 | -50.00 |
เศรษฐกิจใหม่ | 2 | 6 | -200.00 |
เพื่อชาติ | 1 | 5 | -400.00 |
พลังท้องถิ่นไท | 1 | 3 | -200.00 |
รักษ์ผืนป่าประเทศไทย | 1 | 2 | -100.00 |
หากยังไม่มีการจับขั้วทางการเมืองกันใหม่ แม้พรรคเพื่อไทยได้เสียงเพิ่มขึ้นเยอะมาก แต่ก็ไม่ทำให้พรรคฝ่ายค้านมีเสียงเกินครึ่งหนึ่ง เพราะรวมแล้วจะมี ส.ส. เพียง 243 คน ไม่รวมพรรคเศรษฐกิจใหม่