สาวเจ้าของรถเก๋งหายจากอู่ซ่อม ตามหาเองจนเจอ วางแผนล่อซื้อจากเต็นท์มือสอง
สาวเจ้าของรถเก๋งหายจากอู่ซ่อม ตามหาเองจนเจอ วางแผนล่อซื้อจากเต็นท์มือสอง ยันเป็นรถตัวเองถูกสวมทะเบียน บลูทูธรถยังเชื่อมกับมือถือได้โดยไม่ต้องใส่รหัสใหม่
(22 พ.ย.64) ผู้สื่อข่าวได้รับการประสานจาก น.ส.พิมพ์ณภัส นวลหงษ์ หรือ จูน อายุ 27 ปี เจ้าของรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีขาว ทะเบียน 1กภ 4366 กทม. ซึ่งนำไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่งย่านบางบัวทอง จ.นนทบุรี หลังเกิดอุบัติเหตุเฉี่ยวชนสุนัขจนหม้อน้ำรถแตก เมื่อวันที่ 16 ก.ย.64 ปรากฎว่าหลังจากนั้นผ่านไปประมาณ 1 เดือน เจ้าของอู่โทรมาแจ้งว่ารถเก๋งถูกคนร้ายขโมยไป ซึ่งกล้องของอู่จับภาพคนร้ายได้ เจ้าของอู่จึงเข้าแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง เมื่อวันที่ 19 ต.ค.64 แต่คดีไม่คืบ
กระทั่งวันที่ 22 พ.ย.64 น.ส.พิมพ์ณภัส ได้รับแจ้งจากเพื่อนในเฟซบุ๊กว่า พบรถเก๋งคัมรี่ลงประกาศขายในเพจแห่งหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับรถของ น.ส.พิมพ์ณภัส ซึ่งจำหน่ายอยู่ที่เต็นท์ขายรถแห่งหนึ่ง ย่านนวมินทร์ กทม. ทำให้ น.ส.พิมพ์ณภัส และเพื่อนเฝ้าสังเกตความเคลื่อนไหวที่เต็นท์รถแห่งนี้ ก่อนจะตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากตำรวจชุดสืบสวน วางแผนล่อซื้อรถที่ถูกขโมยมาสวมทะเบียนคันดังกล่าว
จากนั้นในเวลา 13.00 น. ตำรวจชุดสืบสวน สน.โคกคราม ได้นำกำลังลงพื้นที่เต็นท์ขายรถมือสองดังกล่าว สามารถตรวจยึดรถเก๋งโตโยต้า คัมรี่ สีขาว ทะเบียน 2กญ 7181 กทม. มีรายละเอียดหลายอย่างที่ตรงกับรถของผู้เสียหาย จึงได้อายัดนำมาตรวจสอบที่ สน.โคกคราม พร้อมทั้งเชิญตัวเจ้าของเต็นท์รถและเซลล์ขายรถเข้าสอบปากคำ
จากการสอบถาม นายไตรภพ อยู่ประเสริฐ อายุ 42 ปี และ นายวัชระ ผึ้งมี อายุ 29 ปี เพื่อนของผู้เสียหาย ที่มาช่วยติดตามรถเก๋งกลับคืนมา กล่าวว่า โชคดีที่วันนี้เรามาเจอรถของน้องจูนในพื้นที่นี้พอดี ซึ่งเมื่อไปร้องขอความช่วยเหลือจากตำรวจชุดสืบสวน สน.โคกคราม แล้วตำรวจระดมกำลังลงพื้นที่ตรวจสอบรถเก๋งคันที่ต้องสงสัยทันที ก่อนจะอายัดรถมาตรวจพิสูจน์ ซึ่งตนเป็นห่วงว่าในตอนที่น้องจูนกำลังไปเข้าแจ้งขอความช่วยเหลือจากตำรวจนั้น หากคนร้ายที่นำรถมาขายไหวตัวทัน ตนและเพื่อนๆ ที่เฝ้ารถอยู่ห่างๆ คงจะติดตามไม่ทัน และหากรถเก๋งคันเก๋งหลุดจากเต็นท์แห่งนี้ไปแล้ว คงยากที่จะติดตามกลับคืนมา เนื่องจากคนขายตั้งราคาไว้เพียง 4 แสนกว่าบาท ซึ่งเป็นราคาที่ถูกมาก โชคดีที่ได้ตำรวจชุดสืบสวน สน.โครกคราม ช่วยเหลือ
นายวัชระ กล่าวอีกว่า ตนตั้งข้อสงสัยว่าทำไมรถที่เพื่อนตนนำไปซ่อมที่อู่ย่านบางบัวทอง และวันที่เกิดเหตุนั้น เหตุการณ์ทุกอย่างเกิดขึ้นพอเหมาะพอดีกันไปหมด นำรถเข้าอู่ กุญแจวางหน้ารถ แถมประตูอู่เปิดทิ้งไว้ไม่ได้ล็อค พอรถหายเจ้าของอู่ก็รีบไปแจ้งความ แต่ไม่รับผิดชอบใดๆ แล้วไปให้ข่าวอีกทางว่าดูแลเยียวยาจ่ายค่าเสียหายให้แล้วเป็นหลักแสน ซึ่งก็ไม่มีความเป็นจริง เพราะน้องจูนได้รับเงินเป็นค่าเสียเวลา 5 พันบาท จากเจ้าของอู่คนใหม่เท่านั้น พร้อมกับหารถเก๋งซึ่งเป็นชื่อใครก็ไม่รู้มาให้ใช้แทน หลังจากน้องจูนเข้าแจ้งความที่ สภ.บางบัวทอง มาเป็นเดือน คดีไม่เคยมีความคืบหน้าอะไร เพื่อนๆ ต้องช่วยกันสืบค้นหากันเองจนเจอ
ด้าน น.ส.พิมพ์ณภัส กล่าวว่า รู้สึกดีใจที่ตามรถกลับคืนมาได้ด้วยตนเอง แม้จะแทบหมดหวังไปแล้ว ซึ่งตนขอยืนยันว่ารถคันนี้เป็นของตนแน่นอน เพราะสามารถจำรอยตำหนิได้หมด มีแค่ป้ายทะเบียนรถที่ไม่ใช่ของรถตนเท่านั้น เพราะแม้แต่ขนาดบลูทูธเครื่องเสียงรถยนต์ที่ต้องเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ เมื่อวันนี้ตอนที่ลงไปพิสูจน์ที่เต็นท์รถ ตนยังสามารถเข้าเครื่องเสียงเชื่อมต่อได้ทันทีโดยไม่ต้องกดรหัสเข้าใหม่เลย
น.ส.พิมพ์ณภัส กล่าวอีกว่า อยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจพิสูจน์และขยายผลไปจนถึงตัวการที่กระทำผิด เชื่อว่าเป็นขบวนการปลอมแปลง เปลี่ยนเลขตัวถัง เปลี่ยนเลขคัทซี ถ้าวันนี้ตนไม่โชคดีได้รับแจ้งข้อมูลเรื่องรถของตนมาและตามมาเฝ้ารถได้ทัน ป่านนี้คงถูกเคลื่อนย้ายออกไปขายหรือกระจายเป็นอะไหล่ไปหมดแล้ว อยากฝากให้ผู้ใหญ่ที่มีอำนาจหน้าที่ในเรื่องนี้เข้ามาดูแลคดีและให้ความเป็นธรรมกับตนด้วย
เพราะตนเชื่อว่าคดีนี้ไม่ใช่คดีแรกที่มีผู้เสียหายถูกกระทำแบบนี้ และกลายเป็นว่าฝ่ายเราซึ่งเป็นเจ้าของเป็นผู้เสียหายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบางบัวทองในพื้นที่มาซักถามด้วยความสงสัยว่า เป็นฝ่ายไปลักรถออกมาจากอู่เสียเอง ทั้งๆ ที่ตนก็ยังไม่รู้เลยว่ารถหม้อน้ำแตก อู่รถซ่อมเสร็จวันไหน แล้วทำไมถึงวางกุญแจล่อตาประมาทขนาดนั้น ประตูทางเข้าออกอู่ก็ไม่ปิด เมื่อเอื้ออำนวยความสะดวกให้คนร้าย และยังเข้าแจ้งความรถหายปกป้องตัวเองเสียอีก ซึ่งพฤติกรรมของเจ้าของอู่แห่งนี้ยังมีอะไรที่น่าสงสัยอีกเป็นอย่างมาก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจยังอยู่ระหว่างสอบปากคำทั้งผู้เสียหายและเจ้าของเต๋นท์เพื่อหาความจริงและที่มาที่ไปของรถ หลังจากนี้จะประสานเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้ามาตรวจสอบสภาพรถเพื่อยืนยันอีกครั้ง