หดหู่ พ่อแท้ๆ ข่มขืนลูกสาววัย 14 ปี แม่รู้แต่กลัวถูกทำร้าย ลูกชายบอกเห็นทุกวัน
ตำรวจลากคอพ่อแท้ๆ ติดยาบ้า ข่มขืนลูกสาววัย 14 ปี ลูกชายเห็นพี่ถูกข่มขืนทุกวัน แม่รู้แต่กลัวถูกทำร้าย อึดอัดใจจนอยากผูกคอตาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 พ.ย.) เจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัดสิงห์บุรี และเจ้าหน้าที่ด้านจิตเวชเด็กได้พา นางสาวสมใจ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี มาแจ้งความกับตำรวจ สภ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ว่า หลานสาวของตนคือ ด.ญ.บี (นามสมมติ) ได้ถูก นายกาเหว่า อายุ 44 ปี ซึ่งเป็นพ่อแท้ๆ ข่มขืนมานาน จนหลานสาวมีอาการซึมเศร้า สุดท้ายทนไม่ไหวโทรบอกตน จนนำมาสู่การแจ้งความในวันนี้
โดย น.ส.สมใจ ผู้เป็นน้า เล่าว่า นายกาเหว่า อยู่กินกับ นางก้อย จนมีลูกด้วยกัน 3 คน โดยคนโตเป็นหญิงอายุ 15 ปี และ ด.ญ.บี (ผู้เสียหาย) เป็นคนกลาง และมี ด.ช.ซี (นามสมมติ) เป็นลูกชายคนเล็ก นายกาเหว่า และนางก้อย มีอาชีพรับจ้างก่อสร้าง แต่ในช่วงโรคโควิด-19 ระบาด งานรับจ้างไม่ค่อยมีจึงอยู่บ้าน และนายกาเหว่าเคยโดนคดีเสพยาเสพติด (ยาบ้า)
ตนทราบเรื่องเนื่องจากน้องสาวของตนชื่อ นางอร ซึ่งเป็นน้าสาวของ ด.ญ.บี และสนิทกันเนื่องจากโทรคุยกันทุกวัน ได้โทรบอกตนว่า ด.ญ.บี โทรเล่าให้นางอร ฟังว่าโดน นายกาเหว่า ข่มขืน ตนจึงได้ซักถาม ด.ญ.บี แต่ ด.ญ.บี เอาแต่ร้องไห้
ตนจึงถาม ด.ช.ซี ผู้เป็นน้องชาย เด็กชายซี บอกว่า “เห็นพี่บีโดนพ่อข่มขืนทุกวันเลย แล้วพี่บีก็ไปนั่งร้องไห้ที่หลังบ้าน” ตนจึงถาม นางก้อย ผู้เป็นพี่สาวว่ารู้เรื่องไหม นางก้อยบอกว่ารู้แต่ด้วยความกลัวนายกาเหว่าทำร้ายจึงทนเก็บเงียบไว้ เสียใจ และอึดอัดใจจนคิดอยากผูกคอตายทุกวัน
พ.ต.อ.ศราวุฒิ ศิริ ผู้กำกับสถานีตำรวจภูธรอำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรี จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวน สภ.ท่าช้าง นำกำลังไปจับกุม นายกาเหว่า ได้ที่บ้านพักและเบื้องต้นเมื่อนำปัสสาวะมาตรวจพบว่ามีสีม่วง จึงนำไปตรวจที่โรงพยาบาลท่าช้าง ผลพบว่ามีสารเสพติดในปัสสาวะ จึงควบคุมตัวเข้าห้องขัง
เบื้องต้น ตั้งข้อหาเสพยาเสพติด ก่อนที่จะสอบปากคำและรวบรวมหลักฐานและพยานในความผิดฐาน “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยผู้อื่นนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ และทำอนาจารแก่บุคคลอายุกว่า 15 ปี โดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้ายโดยบุคคลนั้นอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ เป็นการกระทำแก่ผู้สืบสันดาน” ต่อไป