ดีเอสไอสอบนายทุน ทหาร นักการเมืองฮุบเกาะยาว
พีระพันธุ์ นำทีมดีเอสไอ-ป.ป.ท.สอบกลุ่มนายทุน อดีตนายทหาร นักการเมือง ฮุบเกาะยาว ตอกหมุดเขตยึดที่ดินตั้งแต่ชายหาดไปถึงภูเขา
เครือข่ายองค์กรชุมชนชายฝั่งพังงา-ภูเก็ต ได้ยื่นหนังสือร้องขอความเป็นธรรมต่อนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเดินทางมาพร้อม กับ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายสุวณา สุวรรณจูฑะ อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ซึ่งเดินทางมาตรวจสอบความคืบหน้าในการดำเนินคดีกับกลุ่มนายทุนที่บุกรุกที่สาธารณะประโยชน์ และดำเนินคดีกับเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ร่วมกันออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบและให้ความคุ้มครองสิทธิของประชาชนที่ถูกกลุ่มนายทุนฟ้องร้องดำเนินคดี
ทั้งนี้ ในส่วนของเครือข่ายชุมชนในเขตชายฝั่งทะเลอันดามันได้เรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมดำเนินคดี กับ นายตันจี้เคียง และตันเต๊กไฮ้ นายทุนตระกูลตันติพิริยะกิจ และบริษัท นาราชา จำกัด ซึ่งบุกรุกอ่าวคลองสวน บ้านย่าหมี เกาะยาวใหญ่
นอกจากนี้ยังร้องขอให้มีการเร่งรัดการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ออกโดยมิชอบ เอกสารสิทธิที่ออกทับที่ป่าสงวนและพื้นที่สาธารณะบริเวณป่าเกาะยาวใหญ่ อุทยานแห่งชาติเขาในยักษ์ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหากรณีการบุกรุกที่ดิน ซึ่งเกี่ยวพันไปถึงหัวคะแนนพรรคการเมืองและนักการเมืองท้องถิ่น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนของกรณีการบุกรุกที่ดินใน อ.พระแสง และ อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ชาวบ้านกว่า 700 คน ได้เข้าร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจากกระทรวงยุติธรรม โดยขอให้ตรวจสอบความถูกต้องของที่ดินในความครอบครองของบริษัท สวนสุราษฎร์ จำกัด และบริษัท สหอุตสาหกรรมนั้นปาล์ม จำกัด มหาชน ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าได้ออกเอกสารสิทธิ นส. 3 ก ทับที่ดินในแนวเขตป่าไม้ถาวร และแจ้งข้อหาบุกรุกกับชาวบ้านที่เข้าทำประโยชน์ในที่ดินเขต สปก. ซึ่งเป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ของชุมชนเนื้อที่ประมาณ 500 ไร่
จากการตรวจสอบของดีเอสไอและสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) พบว่าพื้นที่พิพาทเนื้อที่ 330 ไร่ ซึ่งชาวบ้านถูกแจ้งความข้อหาบุกรุกนั้น น่าจะมีที่มาโดยมิชอบโดยมีการยื่นเรื่อง เพื่อขอเอกสารสิทธิพร้อมลงรูปแผนที่ในแผ่นระวาง ซึ่งมีข้อความอันเป็นเท็จรายชื่อผู้เป็นเจ้าของที่ดินเดิมตาม นส.3ก หลายรายชื่อถูกแอบอ้าง ส่วนกรณี อ.ชัยบุรีนั้น ชาวบ้านเชื่อว่าจะเป็นที่ดินที่มีที่มาโดยมิชอบโดยมีลักษณะที่มาคล้ายที่อ.พระแสง โดยผู้ที่อยู่เบื้องหลังการบุกรุกขอเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบเกี่ยวข้องกับหัวคะแนนและนักการเมืองท้องถิ่น
นายหรม หยั่งทะเล ตัวแทนชาวย่าหมี เกาะยาวใหญ่ กล่าวว่าในช่วงปี 2548 ได้มีกลุ่มนายทุนชาวไทยและต่างชาติเข้ามากว้านซื้อที่ดินในเกาะยาว โดยภายหลังบริษัทเอกชนได้พยายามเข้ามากว้านซื้อที่ดินประมาณ 100 ไร่ แต่ได้บุกรุกเพิ่มเป็น 800 ไร่ และนำเครื่องจักรกลเข้ามาแผ้วถางที่ดินตั้งแต่ชายหาดไปจนถึงยอดเขา เพื่อปรับสภาพพื้นที่ให้เป็นท่าเทียบเรือยอร์ชและรีสอร์ท กลุ่มชาวบ้านจึงรวมตัวกันคัดค้านเพื่ออนุรักษ์ป่าต้นน้ำและชายฝั่งทะเลจนกระทั่งรัฐบาลเพิกถอนใบอนุญาตก่อสร้างท่าเทียบเรือของบริษัท นาราชา แต่ในระหว่างการพิสูจน์สิทธิ เพื่อเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินบริษัทนาราชากลับฟ้องร้องดำเนินคดีกับชาวบ้าน 17 คน ข้อหาบุกรุกและลักทรัพย์(ต้นกล้วยไม้) พร้อมเรียกค่าเสียหาย 3,500 บาท กลุ่มชาวบ้านจึงขอเรียกร้องให้กระทรวงยุติธรรมช่วยส่งคืนพื้นที่ป่าสงวนและช่วยเหลือชาวบ้านที่ถูกดำเนินคดีจากการปกป้องทรัพยากรธรรมชาติ
สำหรับบริษัทนาราชา มีทุนจดทะเบียน 40 ล้านบาท โดย พล.อ.อ.อวยชัย แจ้งเร็ว และนางวินิตา แจ้งเร็ว เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม นอกจากนี้บริษัทยังมีคนต่างด้าว สัญชาติญี่ปุ่น และมาเลเซียเป็นผู้ถือหุ้น ล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สรุปสำนวนสั่งฟ้องบริษัทนาราชา ข้อหาบุกรุกที่ดินของรัฐและออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ และส่งสำนวนคดีให้อัยการฝ่ายคดีพิเศษพิจารณาสั่งคดี
ด้านนายพีระพันธุ์ กล่าวว่า ภายหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านรัฐบาลได้จัดตั้งคณะกรรมการอำนวยการเพื่อแก้ไขปัญหาของเครือข่ายปฏิรูปที่ดินแห่งประเทศไทย ขึ้นมากำกับดูแลและติดตามปัญหาที่ดินทำกิน และจะเข้ามาตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีความต่าง ๆ เพื่อให้ความช่วยเหลือได้อย่างถูกต้อง พร้อมยืนยันถึงความจริงใจของรัฐบาลที่ต้องการเข้ามาแก้ปัญหาให้กับชาวบ้าน ซึ่งได้มอบหมายให้กรมคุ้มครองสิทธิฯ และสภาทนายความ เข้ามาดูแลให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายอย่างใกล้ชิด ในส่วนของการเพิกถอนเอกสารสิทธิที่ดินที่ออกโดยมิชอบจะเป็นหน้าที่ของดีเอสไอกับ ป.ป.ท.