อภิสิทธิ์ เชื่อ ปชช.ไม่อยากเห็นความวุ่นวาย
นายกรัฐมนตรีมั่นใจเศรษฐกิจไตรมาสที่ 4 ดีขึ้น พร้อมคาดปีหน้ากลับมาเป็นบวกได้ ยันเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ในสัปดาห์หน้าแน่นอน เชื่อประชาชนไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง
(22พ.ย.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ โดยกล่าวถึงการประชุมสุดอาเซียน-สหรัฐอเมริกาที่ประเทศสิงคโปร์ โดยมีการร่วมมือกัน เพื่อผลักดันแก้ปัญหาทางด้านเศรษฐกิจ และสังคม โดยเน้นสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจในอนาคต สร้างความสมดุลย์ และความมั่นคง ซึ่งในวันพรุ่งนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สภาพัฒน์ จะแถลงตัวเลขการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไตรมาสที่ 3 อย่างเป็นทางการ ซึ่งเชื่อว่า ตัวเลขจะออกมาติดลบน้อยกว่า 2 ไตรมาสแรก และมั่นใจว่า ในไตรมาสที่ 4 จะกลับมาขยายตัวเป็นบวกที่ 3-4% ส่วนปีหน้าคาดว่า จะสามารถขยายตัวเป็นบวกได้ที่ 3-3.5%
โดยปัญหาที่เป็นปัจจัยสำคัญต่อการฟื้นตัว 4 เรื่อง คือ 1.ปัญหาการว่างงาน ซึ่งตัวเลขล่าสุดอยู่ที่ 1.2% หรือประมาณ 4 แสน 5 หมื่น ถึง 4 แสน 6 หมื่นคน ซึ่งไม่ไม่รุนแรงอย่างที่เคยกลัว โดยเชื่อว่า ตัวเลขจะลดน้อยลง 2.การใช้กำลังการผลิต ล่าสุด ดีขึ้นจากเดือน ก.พ.ซึ่งเป็นช่วงที่เป็นจุดต่ำสุด โดยมาอยู่ที่ 65% เชื่อว่า จะกลับมาสู่ภาวสะปกติ และการลงทุนใหม่ ได้ในช่วงปลายปีนี้
3. การท่องเที่ยว ซึ่งช่วง 8 เดือนแรกของปีนี้ มีตัวเลขติดลบ โดยช่วงต้นปีติดลบถึง 20% ซึ่งในช่วง เดือน ก.ย.-ต.ค. นักท่องเที่ยว เพิ่มขึ้น 17-20% และเชื่อว่า พ.ย.-ธ.ค. จะเติบโตอย่างต่อเนื่อง และ 4. ปัญหาการส่งออก ซึ่งที่ผ่านมา ติดลบมาโดยตลอด ล่าสุด เริ่มติดลบน้อยลงเหลือ 3% เชื่อว่าช่วง เดือน พ.ย.-ธ.ค. จะสามารถกลับมาเป็นบวกได้ ซึ่งรัฐบาล จะเดินหน้าต่อในการดำเนินการทางเศรษฐกิจต่อไป อีกทั้งพร้อมแก้ไขปัญหาความไม่ชัดเจนของปัญหามาบตาพุด หรือกฎหมายสิ่งแวดล้อม ซึ่งการประชุมคณะกรรมการนัดแรกที่มีนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน บรรยากาศเป็นไปได้ด้วยดี
สำหหรับปัญหาหนี้นอกระบบ รัฐบาลพร้อมแก้ไขปัญหาให้คนที่เป็นหนี้ไม่เกิน 2 แสนบาท โดยขณะนี้อยู่ในขั้นตอนของการเจรจา และได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกระทรวงยุติธรรม มหาดไทย และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะดำเนินการให้กลับมาอยู่ในระบบอย่างครบวงจร อีกทั้งจะมีการอบรมสร้างรายได้ เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน
ส่วนภารกิจในสัปดาห์หน้า จะมีการประชุมเพื่อแก้ปัญหาบัตร อีลิท การ์ด ที่ให้สิทธิพิเศษแก่ผู้ถือบัตร โดยปัจจุบันงบประมาณที่ดูแลเรื่อวดัวกล่าวเริ่มลดลง เบื้องต้นจะเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนซื้อโครงการ โดยกำหนดเงื่อนไข โดยรัฐจะช่วยเหลือสิทธิ์ที่เกี่ยวกับภาครัฐ ซึ่งจะให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่างเงื่อนไขในการปฏิบัติตต่อไป อีกทั้งจะเดินทางไปเยือนประเทศการ์ตา ซึ่งเป็นการเยือนครั้งแรกในประเทศตะวันออกกลาง โดยจะประสานงานร่วมระหว่างอาเซียนและตะวันออกกลางด้วย
สำหรับการเดินทางไปปฏิบัติภาระกิจที่จังหวัดเชียงใหม่ในสัปดาห์หน้า นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่อยากให้มีความรุนแรง พร้อมเชื่อว่า ประชาชนไม่อยากให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง