ขออนุมัติจับ เพชรวรรต ข้อหาขู่ฆ่านายกฯ 23 พ.ย.

ขออนุมัติจับ เพชรวรรต ข้อหาขู่ฆ่านายกฯ 23 พ.ย.

ขออนุมัติจับ เพชรวรรต ข้อหาขู่ฆ่านายกฯ 23 พ.ย.
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รองผู้ว่าราชการจ.เชียงใหม่ ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยขออนุมัติศาลออกหมายจับ เพชรวรรต ข้อหาขู่ฆ่าผู้นำประเทศจันทร์นี้ ตำรวจระดมกำลัง3กองร้อยคุ้มกัน พันธมิตรจัดประชุม แต่ผิดคาดไร้เงาเสื้อแดงบุกปิดล้อม

นายไพโรจน์ แสงภู่วงษ์ รองผู้ว่าราชการจ.เชียงใหม่ ฝ่ายความมั่นคง เปิดเผยว่า ขณะนี้ตำรวจอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อเสนอขออนุมัติศาล จ.เชียงใหม่ให้ออกหมายจับ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเสื้อแดงกลุ่มรักเชียงใหม่ 51ในวันจันทร์ที่ 23 พ.ย.นี้ ในข้อหาขู่ฆ่าผู้นำประเทศ เรื่องนี้ถือเป็นคดีอาญาแผ่นดินที่ไม่จำเป็นต้องมีผู้เข้าแจ้งความ เจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดได้ หลังประกาศผ่านวิทยุชุมชนเชียงใหม่ขู่ว่าจะมีการคาร์บอมบ์นายอภิสิทธิ์ เวชาชีชวะ นายกรัฐมนตรี ในระหว่างที่จะเดินทางมาเป็นประธานร่วมประชุมหอการค้าไทยในวันที่ 29 พ.ย.นี้ที่โรงแรมเลอเมอริเดียน อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แต่ในส่วนของการสั่งปิดวิทยุชุมชนนั้นคงทำได้ยากเพราะจังหวัดเชียงใหม่ไม่มีอำนาจ หรือยังไม่มีกฎหมายจัดการที่ชัดเจน คงทำได้เพียงขอความร่วมมือให้หยุดการกระทำที่ไม่สมควร

ส่วนคดีค้างเก่าที่นายเพชรวรรตมีคดีติดตัวมามากกว่า 10 คดีนั้น ทางนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ และ พล.ต.ท.สมคิด บุญถนอม ผลบช.ภาค5 ได้สั่งเร่งรัดพนักงานสอบสวนให้เร่งดำเนินคดีโดยเร็วแล้ว ซึ่งอำนาจอยู่ที่พนักงานสอบสวนรวมทั้งการจะยื่นถอนประกันด้วย นายไพโรจน์ กล่าวอีกว่า วันที่นายกรัฐมนตรีจะมาปฏิบัติภารกิจที่ จ.เชียงใหม่ หน่วยงานรัฐใจกว้างเปิดพื้นที่ลานประตูท่าแพให้กลุ่มผู้ชุมนุมประท้วงได้ ชุมนุมแสดงออกแล้ว แต่หากไม่ยอมใช้และออกไปเคลื่อนไหวหรือสร้างความปั่นป่วนนอกพื้นที่แบบผิดกฎหมายก็ต้องถูกดำเนินคดีตามกฎหมายทันทีเช่นกัน โดยในส่วนของประชาชนที่จะออกมาร่วมชุมนุมนั้น ทางผู้ว่าราชการจ.เชียงใหม่ได้สั่งการไปยังทุกอำเภอของ จ.เชียงใหม่ รวมทั้งประสานขอไปยังกระทรวงมหาดไทยให้สั่งการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนืออื่นๆ แจ้งเตือนประชาชนว่าอย่าได้ออกมาร่วมชุมนุม เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย หลังมีกระแสข่าวว่าจะมีการลอบใช้ระเบิด คาร์บอมบ์และเกิดความรุนแรงขึ้นในระหว่างการชุมนุม

สำหรับมาตรการป้องกันและรับมือนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำหนดใช้แผนกรกฎและแผนอื่นควบคู่กันมากว่า 100 แผน เพื่อดูแลรักษาความปลอดภัยแก่นายกรัฐมนตรี ตลอดจนรักษาความสงบเรียบร้อยในกรณีอาจมีมือที่ 3 เข้ามาก่อกวนหรือปั่นป่วนให้เกิดสถานการณ์ร้ายแรง มั่นใจว่าจะควบคุมสถานการณ์ได้

ตำรวจระดมกำลัง 3 กองร้อยคุ้มกันพันธมิตรจัดประชุม

เมื่อช่วงเช้านี้ (22 พ.ย.52) กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยภาคเหนือ นำโดยนายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ที่ปรึกษาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จ.เชียงใหม่ พร้อมตัวแทนพันธมิตรฯ จาก 17 จังหวัดภาคเหนือและแกนนำจากส่วนกลางคือนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้เดินทางมาร่วมประชุมหารือกันที่ห้องประชุมภายในหอพักสนามกีฬาสมโภช เชียงใหม่700 ปี จ.เชียงใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดคอนเสิร์ตเพื่อประชาธิปไตยของพันธมิตรฯที่ กำหนดจะจัดให้มีขึ้นที่ จ.เชียงใหม่ในวันที่ 16 ม.ค.ที่จะถึงนี้

ตำรวจได้นำกำลังชุดปราบจลาจลพร้อมโล่กระบองกว่า500 นาย พร้อมรถห้องขังเคลื่อนที่ไม่ต่ำกว่า 4 คัน กระจายกำลังตั้งด่านสกัดกั้นและปิดล้อมทางเข้าออกสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่700 ปีไว้โดยรอบเพื่อควบคุมสถานการณ์ เนื่องจากเกรงว่ากลุ่มเสื้อแดงอาจมาชุมนุมปิดล้อมและเกิดการปะทะกันได้ แต่เวลาล่วงเลยไปถึง 10.00 น.ปรากฏว่าไม่มีกลุ่มเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวชุมนุมปิดล้อมขับไล่หรือต่อต้านกลุ่มพันธมิตรฯ แต่อย่างใด ส่งผลให้กลุ่มพันธมิตรฯ สามารถจัดประชุมหารือกันได้ตามปกติ โดยไม่มีสถานการณ์ความรุนแรงไม่สงบเกิดขึ้น เนื่องจากหน่วยข่าวด้ายความมั่นคงรายงานว่าตำรวจเตรียมออกหมายจับแกนนำกลุ่มเสื้อแดงกรณีประกาศผ่านวิทยุชุมชนว่าจะขู่ฆ่านายกรัฐมนตรีใน 1-2 วันนี้

นายสุริยันต์ ทองหนูเอียด ที่ปรึกษากลุ่มพันธมิตรฯ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ที่จัดประชุมครั้งนี้เพื่อหารือกันในสามประเด็น เรื่องแรกคือเตรียมความปลอดภัยในการจัดงานคอนเสิร์ตเพื่อประชาธิปไตยที่สนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปีที่จะมีขึ้นในวันที่ 16 ม.ค.2553 ซึ่งเป้าหมายคือการให้ความรู้สร้างความเข้าใจสร้างสัมพันธ์ในกลุ่มพันธมิตรด้วยกัน รวมทั้งผลักดันเรื่องการเมืองใหม่

เรื่องที่สองทำความเข้าใจเกี่ยวกับทิศทางในอนาคตท่ามกลางสถานการณ์ปัจจุบัน และเรื่องที่สามหารือกันเรื่องพรรคการเมืองใหม่ ซึ่งในวันที่16 พ.ย.นี้หากไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงแกนนำพันธมิตรฯ ทั้งนายสนธิ ลิ้มทองกุล พล.ต. จำลอง ศรีเมือง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ และนายสมศักดิ์ โกศัยสุข จะเดินทางมาร่วมเวทีกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งเรามั่นใจว่าจะใช้สิทธิเสรีภาพได้ซึ่งยืนยันว่าไม่ใช่การประกาศชัยชนะ หรือเป็นเรื่องของคนในคนนอก

ส่วนเรื่องที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางมาที่จ.เชียงใหม่เพื่อเป็นประธานการ ประชุมหอการค้าไทยในวันที่ 29 พ.ย.แล้วกลุ่มเสื้อแดงออกมาขู่จะมีคาร์บอมบ์นั้น มองว่าเป็นการคุกคามผู้นำประเทศที่อาฆาตมาตรร้ายถึงชีวิต เรื่องนี้สังคมต้องช่วยกันตรวจสอบจับตา โดยเฉพาะการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องต้องควบคุมไม่ให้เกิดเรื่องร้ายเรื้อรังอย่างเช่นกับที่พรรคประชาธิปัตย์เคยถูกล่มเวทีที่หอศิลปวัฒนธรรม มช.และปล่อยมาจนเลยเถิดถึงวันนี้ ส่วนเรื่องของการสั่งปิดวิทยุชุมชนเสื้อแดงที่ขู่คาร์บอมบ์นายกรัฐมนตรีนั้น มีช่องทางที่จะสั่งปิดสถานีได้ เพราะเป็นการใช้วิทยุชุมชนเป็นเครื่องมือทางการเมืองยั่วยุปลุกระดมให้เกิดความรุนแรงซึ่งผิดเจตนารมย์ของการจัดตั้งวิทยุชุมชน

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook