นายกฯ ญี่ปุ่น ประกาศปิดประเทศ! ห้ามต่างชาติเข้า เริ่มตั้งแต่เที่ยงคืนนี้
นายกฯ ญี่ปุ่น ตัดสินใจปิดประเทศ ไม่อนุญาตให้นักเดินทางจากต่างชาติเดินทางเข้ามา หวังสกัดไม่ให้โควิดสายพันธุ์โอมิครอนเข้ามาระบาด
หลังจากแอฟริกาใต้พบเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน แพร่ระบาดในแอฟริกาใต้และเพื่อนบ้านในแอฟริกา พร้อมแจ้งให้องค์การอนามัยโลกทราบเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รวมทั้งพบการแพร่ระบาดในบางประเทศและอาณาเขต เช่น อังกฤษ เบลเยียม อิสราเอล แคนาดา และฮ่องกง
ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาของวันนี้ (29 พ.ย.) นายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่น แถลงข่าวที่ทำเนียบนายกรัฐมนตรีในกรุงโตเกียวว่า ญี่ปุ่นจะห้ามผู้โดยสารต่างชาติจากทุกประเทศทั่วโลกเข้าประเทศชั่วคราว เริ่มตั้งแต่หลังเที่ยงคืนของวันที่ 30 พฤศจิกายน 2564 (เช้ามืดของวันที่ 30 พ.ย.) โดยระบุว่า เป็นมาตรการเฝ้าระวังฉุกเฉิน เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ของญี่ปุ่นแย่หนักลงกว่าเดิม ขณะที่พลเมืองชาวญี่ปุ่นยังสามารถเดินทางเข้ามาในประเทศได้ แต่จะต้องเข้ารับการกักตัวในสถานที่ที่รัฐจัดเตรียมไว้ให้ตามมาตรการที่กำหนด
นอกจากนี้ นายคิชิดะ ระบุว่า มาตรการปิดประเทศดังกล่าวเป็นเพียงมาตรการชั่วคราวซึ่งจะมีผลไปจนกว่าญี่ปุ่นจะมีข้อมูลใหม่ๆ เพิ่มเติมเกี่ยวกับเชื้อไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ว่ามีอันตรายร้ายแรงกว่าสายพันธุ์อื่นๆ หรือไม่ ก่อนหน้านี้ เจ้าหน้าที่สาธารณสุขของญี่ปุ่นพบชายคนหนึ่งติดโรคโควิด-19 หลังเดินทางกลับจากประเทศนามิเบียในทวีปแอฟริกาเมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่สาธารณสุขของญี่ปุ่นอยู่ระหว่างวิเคราะห์พันธุกรรมของเชื้อไวรัสโดยละเอียด เพื่อดูว่าเป็นสายพันธุ์โอมิครอนหรือไม่
ทั้งนี้ ชายคนดังกล่าวเป็นหนึ่งในผู้โดยสาร 32 คนที่เดินทางมาจาก 9 ประเทศ รวมทั้งนามิเบีย ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นห้ามเข้าประเทศชั่วคราว
อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรีคิชิดะ ยังขอให้ประชาชนไม่ต้องแตกตื่น เนื่องจากญี่ปุ่นมีอัตราการฉีดวัคซีนโควิดที่สูง แต่ยังขอให้ประชาชนสวมหน้ากาก และพยายามรักษาระยะห่างระหว่างบุคคล
ซึ่งมาตรการปิดประเทศที่ประกาศออกมานั้น ทำให้ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่สองต่อจากอิสราเอล ที่ใช้มาตรการขั้นสูงสุดในการป้องกันโควิดสายพันธุ์โอมิครอน แม้จะเพิ่งประกาศผ่อนคลายมาตรการ และลดระยะเวลากักตัวเหลือเพียง 10 วัน ไปแค่เพียง 3 สัปดาห์ก็ตาม
ปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีผู้ป่วยโควิดสะสม 1.7 ล้านคน เสียชีวิต 18,358 ราย