"นิพิฏฐ์" เข้าลา "ชวน หลีกภัย" พร้อมยื่นหนังสือลาออก ปชป. เผยจุดแตกหัก
“นิพิฏฐ์” เข้าลา “ชวน หลีกภัย” ยันอวยพรรักษาอุดมการณ์ ก่อนยื่นหนังสือลาออก ปชป. ย้ำจุดแตกหัก พรรคเปลี่ยนตัวผู้สมัครพัทลุงไม่บอก
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าไปยังที่ทำพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อยื่นหนังสือลาออกการเป็นสมาชิกพรรค พร้อมนำพวกมาลัยเข้าไปกราบลา นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎรและประธานรัฐสภา ในฐานะผู้ใหญ่ในพรรค
โดย นายนิพิฏฐ์ เปิดเผยว่า ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นบางส่วนให้นายชวนฟัง ซึ่งนายชวนก็ไม่ได้รั้งให้อยู่ต่อ พร้อมอวยพรขอให้ประสบความสำเร็จ ขอให้รักษาอุดมการณ์ ความซื่อสัตย์ สุจริต เกือบ 30 ปี ในเส้นทางการเมือง อย่าให้ถูกกลืนหายไป ซึ่งตนเองก็รับปากว่า จะรักษาสิ่งเหล่านั้นไว้
นายนิพิฏฐ์ กล่าวด้วยว่า จะไม่ฝากอะไร ถึงพรรคประชาธิปัตย์ ได้เพียงแต่ “น้อยใจ” ที่ความอดทนของตัวเองน้อยไป ตั้งใจแรก คือ จะลาออกไปสักพักหนึ่งแล้วกลับมาใหม่ แต่คิดว่าคงจะไม่ได้แล้ว แม้ว่าในอนาคตพรรคประชาธิปัตย์ จะเปลี่ยนกรรมการบริหารพรรคแล้วก็ตาม หากจะฝาก ก็ขอให้สมาชิกพรรคที่อยู่ รักษาพรรคประชาธิปัตย์เอาไว้ให้ดี
ขณะเดียวกัน พรรคใหม่ที่จะย้ายไปจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ ดูแลพื้นที่ภาคใต้เหมือนเดิม โดยคาดว่า จะเปิดตัวกับพรรคใหม่ ช่วงปลายเดือนมกราคมปีหน้า ยืนยันว่าเคยทำให้พรรคประชาธิปัตย์มากแค่ไหน ก็จะทำให้พรรคใหม่มากขึ้นเป็น 2 เท่า แต่ไม่ขอประเมินว่า ตนเองกับพรรคใหม่จะสู้พรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่ แต่ก็จะสู้กันตามกติกา
ใครที่เชื่อมั่นในตัวของตนเอง ขอให้ตามตนเองไปกับพรรคใหม่ แนวทาง อุดมการณ์ของตนเองยังเหมือนเดิม พร้อมย้ำว่า ไม่ได้ชวนใครในพรรคประชาธิปัตย์ไปทำงานด้วยกันในพรรคใหม่ เพราะไม่รู้ว่า อนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไร แต่หากใครไม่สบายใจที่จะอยู่ต่อก็ยินดีพูดคุยกัน
อย่างไรก็ตาม ตนเองได้บอกลากับ ผู้ใหญ่ในพรรคเกือบทุกคนแล้ว เว้นแต่ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ที่ยังไม่ได้พูดคุยกัน ยอมรับว่า ระยะ 2 ปีที่ผ่านมา คุยกับหัวหน้าพรรคน้อยมาก และคงไม่ต้องคุยกันอีก
พร้อมยอมรับว่า จุดแตกหักที่ทำให้ตนเองตัดสินใจลาออกจากพรรคในครั้งนี้เกิดขึ้นจากการเปลี่ยนตัว ผู้สมัคร ส.ส. จังหวัดพัทลุง ทั้งที่เตรียมผู้สมัครไว้แล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตนเองรับผิดชอบ แต่ไม่มีการแจ้งตนเอง
จึงคิดว่าตนเองไม่มีประโยชน์กับพรรคในตอนนี้แล้ว อยู่ไปจะสร้างความเสียหายให้พรรคมากกว่า เพราะอยู่ไปอาจจะพูดอะไรที่ไม่ตรงกับนโยบายของพรรคอาจมีปัญหา จึงตัดไฟแต่ต้นลมให้พรรคเดินหน้าต่อไปได้ พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีตนเองก็อยู่ได้