เจ้าสัวเปรมชัย ลุ้น! ฎีกาชี้คดีล่าเสือดำ "ประยุทธ์" เตือนหากหลบหนี เจอหมายจับแน่

เจ้าสัวเปรมชัย ลุ้น! ฎีกาชี้คดีล่าเสือดำ "ประยุทธ์" เตือนหากหลบหนี เจอหมายจับแน่

เจ้าสัวเปรมชัย ลุ้น! ฎีกาชี้คดีล่าเสือดำ "ประยุทธ์" เตือนหากหลบหนี เจอหมายจับแน่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประยุทธ์ ชี้คดีเสือดำ เปรมชัย จำเลยควรไปศาล หากหลบหนี ก็ต้องถูกหมายจับ ให้ ตม. ตามตัวเหมือนทุกคดีที่ผ่านมา ด้านศาลจังหวัดทองผาภูมิเตรียมพิพากษาคดีชั้นฎีกา กรณี เปรมชัย กับพวก ล่าสัตว์ป่าสงวนในทุ่งใหญ่นเรศวร หลังอุทธรณ์พิพากษายืนจำคุกไม่รอลงอาญา

วันที่ 7 ธ.ค. 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการนัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกา ในคดีล่าเสือดำ ที่มี นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด เป็นจำเลยในคดี ว่า ถ้าจะให้คดีนี้เป็นอุทาหรณ์ก็อย่าไปทำตาม พร้อมระบุว่า "เมื่อศาลเขาเรียกไป ก็ต้องไป จะมาบอกว่าไม่ไปแล้วนายกฯ จะทำอย่างไร ไม่ได้ เพราะไม่ใช่เสือดำ ดังนั้นคนที่ถูกเรียกไม่ไป ก็ออกหมายจับ และส่งรายชื่อต่าง ๆ ไปชายแดน ด่านทุกด่านตรวจ ก็จับเอา เหมือนทุกคดี"

ลุ้น! ฎีกา ชี้คดี "เปรมชัย" กับพวก ล่าเสือดำ ทุ่งใหญ่นเรศวร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันที่ 8 ธ.ค. 2564 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี นัดฟังคำพิพากษาศาลฎีกา คดีล่าเสือดำ หมายเลขดำ อ .219/2561 ที่พนักงานอัยการจังหวัดทองผาภูมิ เป็นโจทก์ฟ้อง เปรมชัย กรรณสูตร อดีตประธาน กรรมการ บมจ. อิตาเลียนไทย ดิเวล๊อปเมนต์ ยงค์ โดดเครือ คนขับรถ นที เรียมแสน แม่ครัว ธานี ทุมมาศ พรานป่า เป็นจำเลยที่ 1-4 ในความผิดฐานร่วมกันพกพาอาวุธปืนไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาต

ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันมีไว้ครอบครองซึ่งซากสัตว์ป่าคุ้มครองโดยที่ไม่ได้รับอนุญาต ฐานร่วมกันช่วยซ่อนเร้นช่วยพาเอาไปเสีย หรือรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่าอันได้มาโดยกระทำความผิดกฎหมาย และฐานร่วมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต

กรณีดังกล่าว เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2561 พวกจำเลยได้ร่วมกันเข้าไปในป่าทุ่งใหญ่นเรศวร เขตตะวันตก จ.กาญจนบุรี แล้วร่วมกันฆ่าเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา ซึ่งเป็นสัตว์ป่าสงวน เพื่อเป็นอาหาร

ทั้งนี้ จำเลยให้การปฏิเสธ ต่อมา ศาลจังหวัดทองผาภูมิ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าพวกจำเลยกระทำผิดพิพากษา จำคุก เปรมชัย จำเลยที่ 1 รวม 16 เดือน ไม่รอลงอาญา จำคุก ยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 รวม 13 เดือน ไม่รอลงอาญา จำคุก นที เรียมแสน จำเลยที่ 3  เป็นเวลา 4 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญา มีกำหนด 2 ปี และจำคุก ธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 รวม 2 ปี 17 เดือน ไม่รอลงอาญา และให้จำเลยทั้งหมด ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายจำนวน 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ผู้เสียหายด้วย

โดย อัยการโจทก์และจำเลยทั้งสี่ต่างยื่นอุทธรณ์ ต่อมาศาลจังหวัดกาญจนบุรี ได้อ่านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 7 โดยพิพากษาแก้ให้เพิ่มโทษจำคุก เปรมชัย กรรณสูต รวม 2 ปี 14 เดือน ยงค์ โดดเครือ รวมจำคุก 2 ปี 17 เดือน นที เรียมแสน จำคุก 1 ปี 8 เดือน ปรับ 40,000 บาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี

ส่วน ธานี ทุมมาศ จำคุกรวม 2 ปี 21 เดือน โดยไม่รอลงอาญา เปรมชัย ยงค์ และธานี ให้จำเลยทั้งสี่ ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายให้กับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช แก่ผู้เสียหายรวม 2 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีด้วย

จากนั้น ศาลอนุญาตให้ประกันตัว เปรมชัย กรรณสูต จำเลยที่ 1 ยงค์ โดดเครือ จำเลยที่ 2 และ ธานี ทุมมาศ จำเลยที่ 4 โดยเพิ่มหลักทรัพย์อีกคนละ 2 แสนบาท ระหว่างฎีกา โดยกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาต

ก่อนหน้านี้ เปรมชัย ยังถูกศาลอุทธรณ์แผนกคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ พิพากษายืนจำคุก 1 ปีไม่รอลงอาญา กรณี เปรมชัย เสนอสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อไม่ต้องถูกดำเนินคดีล่าสัตว์ป่า ที่ เปรมชัย ถูกฟ้องเป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันให้ ขอให้ หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงาน เพื่อจูงใจให้กระทําการ ไม่กระทําการ หรือประวิงการกระทําอันมิชอบด้วยหน้าที่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 ประกอบมาตรา 83 ในคดีร่วมกันล่าสัตว์ป่า และอื่นๆ ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา

และยังมีคดีที่ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืนจำคุก เปรมชัย 6 เดือนโดยไม่รอลงอาญา กรณีมีอาวุธปืนยาวไรเฟิลไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.อาวุธปืนและเครื่องกระสุนฯ พ.ศ. 2490 ซึ่งคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาเช่นกัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook