โจรบาปอยุธยาก่อเหตุอีกฉกพระพุทธรูป
กรมศิลปากร ส่งเจ้าหน้าที่ภัณฑารักษ์ ลุยร้านค้าของเก่า แฉมีกว่า 1 พันร้านที่ไม่แน่ใจเป็นร้านถูกกฎหมายหรือไม่ขณะที่ตำรวจเมืองจันทบุรีรวบยก แก๊งลักพระ-ระฆังในพื้นที่ ได้ผู้ต้องหา 4 ราย รับสารภาพ เข้าไปทำทีของซื้อเศษเทียน- ขอข้าววัดกิน แล้วฉวยโอกาสพระเผลอขโมยพระ-ระฆังขายในตลาดกรุงเทพฯ ส่วน โจรบาปในกรุงเก่าก่อเหตุอีก วัดในอำเภอภาชี ถูกลักพระพุทธรูป 6 องค์ ทั้ง ๆ ที่วัดเฝ้าระวังอย่างดี ตำรวจพบร่องรอยคีมตัดกุญแจ เตรียมใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ค้นหาเบาะแส ด้านเซียนพระ เผย เศียร-พระพุทธรูปที่หายไปมีโอกาสน้อยได้คืน โจรรู้ทันตำรวจ ทำการ จมพระ ไว้ก่อนขายหลังเรื่องเงียบ
จากกรณีกลุ่มคนร้ายใจบาปบุกเข้าไปในวัดดงหวาย ต.ท่าช้าง อ.นครหลวง จ.พระ นครศรีอยุธยา แล้วตัดเศียรพระพุทธรูปโบราณ สมัยกรุงศรีอยุธยาอายุกว่า 400 ปี ขนาด หน้าตัก 36 นิ้ว 1 องค์ เมื่อกลางดึกวันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งวัดแห่งนี้เคยถูกลอบตัดเศียรพระมาแล้วถึง 3 ครั้ง อีกทั้งที่วัดแดง ต.ปากท่า อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา มีชาวบ้านแจ้งข้อมูลว่าพระพุทธรูปที่วัดถูกตัดเศียรไปแล้ว 5 องค์ด้วย โดยล่าสุด พล.ต.ท. กฤษฎา พันธุ์คงชื่น รรท.ผบช.ภาค 1 ได้สั่งการให้ชุดสืบสวนทุกท้องที่ออกหาข่าวจนพบกลุ่มต้องสงสัย 2 กลุ่มในพื้นที่ รวมทั้งได้กระจายกำลังออกหาข่าวตามแหล่งรับซื้อของเก่าต่าง ๆ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 23 พ.ย. ร.ต.อ.ธวัชชัย จันทร์เรือง พงส. (สบ1) สภ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งมีคนร้ายบุกเข้าโจรกรรมพระพุทธรูปในพระอุโบสถวัดธรรมสินธุ์โสภา หมู่ 7 ต.หนอง น้ำใส ห่างจากป้อมยามตำรวจ 1 กม. ไป ตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.กรเอก เพชรไชยเวส รอง ผบก.ฯ พ.ต.ท.นฤนาท พุทไธสง รอง ผกก.ฯ พ.ต.ต.มาโนช บุญส่ง สว.ฯ ร.ต.อ. พิภพ นาพุทรา รอง สว.ฯ พ.ต.ท.สมพิศ เสียงสวัสดิ์ นักวิทยาศาสตร์ (สบ 2) และกำลัง พบประตูโบสถ์เปิดอ้าโดยคนร้ายได้ตัดสายยูคล้องกุญแจจนขาด ที่โต๊ะหมู่บูชามี ร่องรอยเคลื่อนย้ายพระพุทธรูปกว่า 10 องค์ มีพระพุทธรูปปางมารวิชัย 6 องค์ ที่หายไป
นายละออ เงินงาม อายุ 71 ปี ไว ยาวัจกรวัด กล่าวว่า วัดแห่งนี้อายุ 50 ปี มีพระครูประทีป ปัญญาวิสิทธิ์ เป็นเจ้าอาวาส ก่อนเกิดเหตุเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาขณะได้เข้ามาทำความสะอาดพบว่าประตูเปิด จึงเข้าไปตรวจสอบพบว่ากุญแจถูกตัดออกแล้วพระพุทธรูปที่มีอายุเก่าแก่ได้หาย ไปเหลือเพียงพระพุทธรูปเนื้อโลหะธรรมดา มูลค่าความเสียหายประมาณ 1 แสนบาท ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้ได้เฝ้าระวังเหตุตามที่ข่าวนำเสนอแล้ว เบื้องต้นตำรวจได้เก็บรอยนิ้วมือแฝงและยังพบร่องรอยทาง วิทยาศาสตร์ที่เรียกว่า ทู-มาร์ค หรือรอยตัดของคีมกับสายยูประตู ซึ่งตำรวจสามารถ นำร่องรอยนี้ไปตรวจทางวิทยาศาสตร์หาคีมตัดเหล็กที่คนร้ายใช้ก่อเหตุได้ต่อไป
ส่วนกรณีคนร้ายตัดเศียรพระวัดดงหวาย ต.ท่าช้าง อ.นครหลวง 7 เศียร และคดีตัดเศียรพระวัดแดง ต.ปากท่า อ.ท่าเรือ มีรายงานข่าวจากชุดสืบสวนภาค 1 พบว่ากลุ่มคนร้ายจากเดิมมี 2 กลุ่ม เพิ่มเป็น 3 กลุ่มแล้วที่ต้องสงสัย โดยอยู่ในพื้นที่พิจิตร ชัยนาท และชลบุรี ซึ่งกำลังฝ่ายสืบสวนได้เฝ้าติดตามพฤติกรรมอยู่ ส่วนของกลางเชื่อว่าน่าจะยังถูกเก็บไว้ในที่ซ่อนยังไม่ถูกนำไปจำหน่ายให้กับ นายทุนแต่อย่างใด ทั้งนี้ในกลุ่มเซียนพระเชื่อว่าการปล่อยเศียรพระจะทำได้ยากขึ้นเพราะเป็น ข่าวดัง แต่กลุ่มคนร้ายจะนำไปทิ้งไว้ในแม่น้ำหรือฝังดิน หรือที่ในวงการเรียกว่า "จมพระ" รอให้เรื่องเงียบแล้วนำมาปล่อยขายภายหลัง
ทั้งนี้กลุ่มเซียนพระเชื่อว่าการติดตาม ของเจ้าหน้าที่นั้นค่อนข้างยาก เพราะคนร้ายรู้ทันเจ้าหน้าที่ และที่ผ่านมาพระพุทธรูปและ เศียรพระที่เคยถูกโจรกรรมหรือตัดไปยังไม่เคยจับกุมได้ตั้งแต่ต้นปี 51 จนถึงปัจจุบัน อีกทั้งคนร้ายยังเปลี่ยนวิธีการไปจากเดิมด้วย โดยบางกลุ่มจะทำทีเข้าไปเป็นนักท่องเที่ยวถ่ายภาพมาเสนอกลุ่มนายทุนนักค้า พระพุทธรูปโดยเฉพาะอย่างยิ่งวัดไหนที่มีการป้องกันอย่างแน่นหนามีการใส่กรง ติดกล้องวงจรปิด ยิ่งทำให้คนร้ายรู้ว่าพระพุทธรูปนั้นมีค่าและความสำคัญกลายเป็นดาบ 2 คมไปด้วย
วันเดียวกัน พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบ.ตร. ได้สั่งการให้ พล.ต.ท.กฤษฎา นมัสการเชิญพระภิกษุสงฆ์ เจ้าคณะเจ้าอาวาสจังหวัดในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เข้าร่วมหารือวางแผนและกำหนดมาตรการในการป้องกันโจรร้ายที่จะเข้ามาปล้นสะ ดมภ์ทรัพย์ สินและตัดเศียรพระพุทธรูปภายในบริเวณวัด โดยกำหนดประชุมที่วัดพนัญเชิงวรวิหาร อ.พระนครศรีอยุธยา ในเวลา 14.00 น. วันที่ 25 พ.ย.นี้
ที่ จ.จันทบุรี เวลา 11.00 น. พ.ต.อ. วัลลภ สามารถ ผกก.สภ.สอยดาว จ.จันทบุรี รับแจ้งจากพระลูกวัดเขาผาสุก หมู่ 10 ต.ทับ ช้าง อ.สอยดาว ว่า พบชาย 3 คน หญิง 2 คน ขับรถกระบะอีซูซุ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ตต 6862 กรุงเทพมหานคร มาติดต่อซื้อเศษเทียน โดยทั้ง 5 คนมีลักษณะตรงกับที่ตำรวจให้เบาะแสแก่วัดต่าง ๆ ใน อ.สอยดาว ว่ามีชายหญิง รวม 5 คน ออกตระเวนลักทรัพย์สินของวัดหลายแห่งใน อ.สอยดาว จึงสั่งการให้ พ.ต.ท.ปวีรเมธ เนตรจินดา สว.สส.ฯ นำกำลังไปยังวัดเขาผาสุก แต่ไม่พบรถคันดังกล่าว จึงกระจายกำลังออกติดตาม จนกระทั่งไปพบรถต้องสงสัยในหมู่บ้านผาสุก จึงทำการสกัดจับ แต่รถคันดังกล่าวขับหลบหนี เจ้าหน้าที่ใช้เวลาประมาณ 40 นาที สามารถจับกุมได้ 4 คน เป็นชาย 2 คน หญิง 2 คน ส่วนชายอีก 1 คนหลบหนีไปได้
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัวนายบำรุง ก้อนทอง อายุ 66 ปี หัวหน้าแก๊ง นางสนิท ก้อนทอง อายุ 63 ปี ภรรยานายบำรุง นายพงษ์ศักดิ์ นิ่มสังข์ อายุ 30 ปี และ น.ส.น้ำฝน ทองแท้ อายุ 22 ปี พร้อม ของกลาง ระฆังทองเหลือง ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 19 นิ้ว 1 ใบ และขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 17 นิ้ว 1 ใบ โดยมีพระวัดทับสงฆ์ ต.ทับช้าง อ.สอยดาว วัดซับตาหัน ต.ทับช้าง อ.สอยดาว วัดเขาพูลทอง ต.ปะตง อ.สอยดาว และวัดวังยาว ต.ทรายขาว อ.สอยดาว ที่ทราบข่าวการจับกุมต่างพากันมารอดูของกลางและคนร้าย
จากการสอบสวนทราบว่าคนร้ายทั้งหมดรวมทั้งที่หลบหนีไปอีก 1 คน ได้ออกตระเวนขับรถกระบะในพื้นที่ อ.สอยดาว แล้วทำทีมาขอซื้อเศษเทียนหรือขอข้าวในวัดกิน โดยเลือกวัดที่มีพระจำวัดอยู่น้อย จากนั้นนายบำรุง และนางสนิท จะเข้าไปพูดคุยกับพระ ส่วนคนร้ายที่เหลือ 3 คนจะช่วยกันขนพระพุทธรูปและระฆังขึ้นรถกระบะก่อนจะหลบหนีไป โดยจะนำของที่ขโมยมาไปขายตามร้านค้าในกรุงเทพฯ หรือลูกค้าที่สั่งมา ทั้งนี้ได้ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้งในหลายพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่เร่งขยายผลและออกหมายจับคนร้ายที่หลบหนีอีก 1 ราย เพื่อติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
ส่วนกรณีตำรวจ สน.บางซื่อ จับกุมร้านนครสวรรค์ค้าของเก่า โซน 26 แผง 105 ซอย 1/4 ตลาดนัดจตุจักร ถนนพหลโยธิน แขวงบางซื่อ เขตจตุจักร ภายหลังจากที่ พระปริยัติธรรมสุธี เจ้าอาวาสวัดกันมาตุยาราม ย่านเจริญกรุง เดินทางมาพบเศียรพระที่ถูกขโมยมาวางจำหน่ายที่ร้านค้าดังกล่าวนั้น นายเขมชาติ เทพไชย รองอธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า จากการตรวจสอบการขึ้นทะเบียนร้านค้าโบราณวัตถุกับ สำนักงานพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พบว่า ร้านดังกล่าวไม่มีการยื่นขอใบอนุญาตมีความผิดตามพ.ร.บ.โบราณ สถาน โบราณวัตถุ ศิลปะวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และยังผิดมาตรา 37 ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี และปรับไม่เกิน 3 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
นายเขมชาติ กล่าวต่อว่า ได้มอบ หมายให้สำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ซึ่งทำหน้าที่ออกใบอนุญาตการค้าโบราณวัตถุศิลปวัตถุ และมีหน้าที่ตรวจสอบการนำเข้าและส่งออกโบราณวัตถุ ตรวจสอบการขึ้นทะเบียนร้านค้าโบราณวัตถุ ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรในปีนี้ พบว่า จำนวนร้านค้าที่มาขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรถือว่าน้อยมาก โดยในปีนี้มีร้านค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ขอใบอนุญาตค้าโบราณวัตถุ 95 ร้าน และร้านค้าศิลปวัตถุ 81 ร้าน ส่วนต่างจังหวัดยังไม่ทราบจำนวน เนื่องจากเป็นหน้าที่ของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติหรือสำนักงานวัฒนธรรมจังหวัด (สวจ.) แต่ละจังหวัดเป็นผู้ออกใบอนุญาต
รองอธิบดีกรมศิลปากร เผยอีกว่า ตอนนี้ร้านค้าโบราณวัตถุและศิลปวัตถุ ตามตลาดนัดใหญ่ ๆ อาทิ ตลาดนัดสวนจตุจักร สนามหลวง 2 รวมทั้งร้านค้าในห้างสรรพสินค้า มีไม่ต่ำกว่า 1,000 ร้าน ดังนั้นกรมศิลปากร จะส่งภัณฑารักษ์ลงพื้นที่ตรวจสอบว่าร้านค้าเหล่านี้ได้ขึ้นทะเบียนหรือยัง และมีการทำผิด พ.ร.บ.โบราณสถาน โบราณวัตถุฯ หรือไม่ รวมทั้งสุ่มตรวจร้านค้าที่คาดว่าจะเป็นแหล่งรับซื้อเศียรพระพุทธรูปที่ถูก โจร กรรมด้วย นอกจากนี้ฝากไปยังวัดที่เคยถูก โจรกรรมเศียรพระและพระพุทธรูป ให้ส่งภาพถ่ายของโบราณวัตถุที่ถูกโจรกรรมมายังสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เพื่อเป็นข้อมูลเวลาลงพื้นที่ตรวจร้านค้าโบราณวัตถุจะได้ช่วยตรวจสอบอีกทาง รวมทั้งจะได้ส่งไปยังร้านค้าโบราณวัตถุที่ได้ขึ้นทะเบียนกับกรมศิลปากรให้ ช่วยตรวจสอบด้วย
วันเดียวกัน เวลา 17.00 น. พ.ต.ท. บุญทิ้ง อินทุภูติ พงส.(สบ3) สภ.พรหมพิราม จ.พิษณุโลก รับแจ้งว่ามีคนร้ายเข้าไปลักทรัพย์ในวัดสุธรรมาวาส หมู่ 6 บ้านวงฆ้อง ต.วงฆ้อง ไปตรวจสอบพร้อมกำลัง พบที่เกิดเหตุบริเวณกุฏิไม้ชั้นเดียวของพระอธิการวิชาญ กตธมฺโม เจ้าอาวาสวัด ที่หน้าต่างด้านหลังห้องเก็บของมีร่องรอยถูกคนร้ายใช้ของแข็งงัดจนแตก ตู้เก็บเอกสารและ เป็นที่เก็บเงินกว่า 8 หมื่นบาท ที่ทางวัดเก็บไว้เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายและค่าน้ำค่าไฟถูกงัดกระจุยกระจาย เงินที่เก็บไว้หายเกลี้ยง ส่วนพระพุทธรูปเก่าแก่ตั้งอยู่กว่า 10 องค์ และทรัพย์สินมีค่าอื่นอีกจำนวนมากยังอยู่
สอบสวนพระอธิการวิชาญ ให้การว่า ที่วัดมีพระจำพรรษาอยู่ 4 รูป เมื่อช่วงเช้าออกไปบิณฑบาตโดยไม่ทันสังเกตว่าห้องเก็บของถูกงัด จนกระทั่งในช่วงเย็นมาเห็นร่องรอยและตรวจสอบก็พบว่าเงินที่เก็บไว้หายไป จึงแจ้งให้ตำรวจมาตรวจสอบ เบื้อง ต้นตำรวจคาดว่าคนร้ายอาศัยช่วงเช้าที่ไม่มีพระจำวัดเข้ามางัดหน้าต่างแล้ว ขโมยทรัพย์ สินไปดังกล่าว ซึ่งจะได้ตรวจหารอยนิ้วมือแฝงติดตามหาคนร้ายต่อไป.