เปิดไดอารีวัยเด็ก "เจ้าสาวเสียโฉม" พิการตั้งแต่อายุ 13 ชีวิตไม่สิ้นหวัง จนได้พบรักแท้

เปิดไดอารีวัยเด็ก "เจ้าสาวเสียโฉม" พิการตั้งแต่อายุ 13 ชีวิตไม่สิ้นหวัง จนได้พบรักแท้

เปิดไดอารีวัยเด็ก "เจ้าสาวเสียโฉม" พิการตั้งแต่อายุ 13 ชีวิตไม่สิ้นหวัง จนได้พบรักแท้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณี นายวานิช หอมเขียว หรือ จิงโจ้ ช่างแต่งหน้า วัย 27 ปี เจ้าของร้านเรือนเจ้าสาว จ.สุพรรณบุรี โพสต์คลิปในเพจเฟซบุ๊ก ร้านเรือนเจ้าสาว ที่ได้แต่งหน้าเจ้าสาวให้กับ น.ส.อรธีรา รสหอม อายุ 27 ปี ว่าที่เจ้าสาวชาว จ.ชัยนาท ซึ่งเคยประสบอุบัติเหตุถูกไฟคลอกจนหน้าตาเสียโฉม กลับมาสวยงามดังเนรมิตสร้างความฮือฮาในโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก

น.ส.อรธีรา เผยว่า ปัจจุบันทำงานอยู่ที่สำนักงานชลประทานที่ 12 จ.ชัยนาท สาเหตุที่เสียโฉมเนื่องจากประสบอุบัติเหตุเมื่อวันที่ 11 ต.ค.51 ตอนนั้นอายุ 13 ปี อุบัติเหตุครั้งนั้นตนซ้อนรถท้ายจยย.มากับเพื่อน และถูกรถสิบล้อเฉี่ยวชนและลากทั้งรถทั้งคนไปจนถูกไฟคลอกและรอดชีวิตมาได้จึงมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าและศีรษะ ไม่มีผมครึ่งหนึ่ง ก็ไม่รู้สึกท้อแท้ชีวิตแต่อย่างใด จนกระทั่งได้พบรักกับเจ้าบ่าวเป็นชาว อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี จึงได้ตกลงปลงใจเข้าพิธีวิวาห์ในปีหน้า คือวันที่ 12 มี.ค.65

ล่าสุด อีจัน เผยไดอารี ชื่อ "เรื่องเล่าเร้าพลัง ชีวิตไม่สิ้นหวัง สู้ด้วยพลังแห่งความดี" เขียนโดย เด็กหญิง อรธีรา รสหอม หรือ ส้ม เจ้าสาวเสียโฉม ซึ่งในขณะที่เขียนนั้น เธอเรียนอยู่ระดับชั้น ม.3 ที่โรงเรียนศรีวิชัย จังหวัดชัยนาท วันเปิดภาคเรียน 11 ต.ค. 51 หลังจากที่เพื่อนของส้ม 2 คน ขี่จักรยานยนต์มารับส้ม เพื่อไปเก็บข้อมูลทำโครงงาน ที่ศูนย์วิจัยพืชไร่ จังหวัดชัยนาท ทุกอย่างเป็นปกติ ส้มและเพื่อนเก็บข้อมูลเพื่อทำโครงงานกันไปเรื่อยๆ จนรู้สึกว่าพอแล้ว ก็ตัดสินใจกลับกัน พอถึงขากลับ ฝันร้ายที่ไม่มีวันลืมก็เกิดขึ้น ส้มและเพื่อนจอดติดไปแดงอยู่ที่สี่แยก จู่ๆสิ่งรอบตัวก็มืดไป เมื่อลืมตาขึ้นมาได้ ก็รู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงของโรงพยาบาล มีคุณครูและแม่ ยืนอยู่รอบเตียง ณ นาทีนั้น ส้มไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง แต่หลังจากส้มตื่นขึ้น แม่ก็ค่อยๆใช้เวลา เพื่อจะเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับส้ม ทีละเล็ก ทีละน้อย จนส้มได้รับรู้เหตุการณ์ทั้งหมด และได้รับรู้ว่า เธอได้สูญเสียขาหนึ่งข้าง และมืออีกหนึ่งข้างไป เพราะตัวเธอนั้น ถูกรถบรรทุกสิบล้อที่ฝ่าไฟแดงมาชน ลากไปพร้อมกับรถจักรยานยนต์ พร้อมกับไฟที่ลุกไหม้ทั่วตัว เพื่อนของเธอที่เป็นคนขับ บาดเจ็บหนักมาก เคราะห์ยังดีที่ไม่ถึงแก่ชีวิต แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือ เพื่อนที่รักที่สุดของส้ม จบชีวิตลงในที่เกิดเหตุ

หลังจากรับรู้เรื่องราวแล้ว ทุกครั้งที่ส้มลืมตา ส้มก็จะร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวร ทั้งความรู้สึกสะเทือนใจกับเรื่องที่เกิด ทั้งความเสียใจที่เพื่อนของเธอจากไป และที่สุดของคราบน้ำตา นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเธอเอง ส้มนอนโรงพยาบาล 4 เดือน ต้องเข้าผ่าตัดทั้งสิ้น 11 ครั้ง ซึ่งแต่ละครั้งมันเจ็บปวดจนไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ ร่างกายของเธอเปลี่ยนไป ต้องตัดขา ตัดนิ้วมือ ตัดหู เสียโฉม ต้องใส่วิกตลอดชีวิต ส้มต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับความเจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจ ประหนึ่งว่าตายทั้งเป็น คิดเพียงแค่ว่า "อยากจะตาย" ด้วยความสงสัยว่าตัวเองเคยทำกรรมอะไรไว้ในชาติก่อน แต่ทุกครั้งที่เห็นภาพแม่ซึ่งอยู่เฝ้าที่ขอบเตียงทุก ๆ วัน ต้องร้องไห้ทุกครั้งเพราะความคิดอยากจะตายของเธอ ทำให้ส้มได้ฉุกคิดขึ้นมาว่า แม่ยอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมาดูแลส้ม ต้องหยุดรับจ้าง ไม่มีรายได้ ยอมกู้หนี้ยืมสินมาเพื่อแลกกับการมีชีวิตอยู่ของส้ม ส้มจึงเลือกที่จะกลับมาต่อสู้ และเผชิญกับสิ่งที่ต้องเจอ

เมื่อส้มมีความคิดที่จะต่อสู้ต่อไปแล้ว ก็เริ่มเรียนรู้การใช้หลักธรรม ทำสมาธิ แผ่เมตตาในการบำบัดความเจ็บปวดของบาดแผลทั่วร่างกาย จนส้มสามารถที่จะกลับมาเรียนร่วมกับเพื่อนๆได้อย่างปกติ แม้ว่าร่างกายของส้มจะมีขาเทียม มือเทียม และวิกผมปลอม ที่ปิดบังส่วนศีรษะที่ถูกไฟคลอกจนผมไม่ขึ้น สภาพร่างกายของส้มกลายเป็นคนพิการ แต่พลังใจจากคนรอบข้างทั้งแม่ พ่อเลี้ยง คุณครู รวมทั้งเพื่อนๆ ที่ให้ความช่วยเหลือในทุกๆ ด้าน ทั้งด้านทุนทรัพย์ การสอนพิเศษให้ และอื่นๆ อีกมากมาย ที่ส้มจะจำไปชั่วชีวิต ในความโชคร้ายของส้ม ก็ยังมีแสงเทียนเล็กๆ ให้ได้เห็น แสงเล็กๆ นั้นมาจากน้ำใจของเพื่อน ความเมตตาของแม่และครู ที่มาในรูปของกำลังใจ ทำให้ส้มมีพลังใจเต็มเปี่ยมที่จะสู้ชีวิต ด้วยหนึ่งมือและหนึ่งขาที่เหลืออยู่

คุณครูบอกกับส้มเสมอว่า กำลังใจ ความรัก ความเมตตา และความช่วยเหลือทั้งหมดที่ส้มได้รับ ล้วนแล้วแต่มาจากความดีที่ส้มได้เคยทำไว้ ทุกครั้งที่มีกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่อส่วนรวม กิจกรรมวิชาการ กิจกรรมทางพุทธศาสนา หลายต่อหลายกิจกรรม ส้มก็เต็มใจเข้าร่วมและให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียนทุก ๆ ครั้ง สิ่งเหล่านั้นก็หวนกลับมาสู่ส้ม ในรูปของกำลังใจจากทุกๆ คน ในวันนี้ส้มอยากจะบอกว่า ส้มมีความสุขมาก แม้จะมีปัญหาทางร่างกายเกิดขึ้น ทำให้ส้มเป็นคนพิการ แต่จิตใจของส้มไม่พิการตามไปด้วย ส้มมุ่งมั่นตั้งใจเรียน เป็นคนดี ดำเนินชีวิตอย่างมีสติ ไม่ประมาท ไม่ท้อแท้ ตั้งใจสู้ชีวิตเพื่ออนาคต จะดูแลตัวเอง แม่ พ่อ น้อง และจะไม่เป็นภาระของสังคมให้จงได้

ทางด้านเจ้าบ่าว นายชานนท์ อู่ทรัพย์ หรือ เจมส์ อายุ 24 ปี เล่าว่า ผมเจอกับส้มครั้งแรก แถวโลตัส คลอง 4 ปทุมธานี ขณะที่ผมกำลังจะขึ้นรถกลับบ้าน ตอนนั้น ผมเห็นเขาเพียงแค่แวบเดียว ผมได้สบตาเธอ และผมไม่รู้ว่าเธอพิการ หรือ เสียโฉม เพราะเธอใส่วิกผม และใส่ขาเทียม 

หลังจากผมกลับบ้านถึงบ้าน ก็บังเอิญเห็นภาพของส้ม ในกลุ่มเฟซบุ๊กคนพิการ ในสภาพที่ปกติ ตอนนั้นผมรู้ว่าเธอมีความผิดปกติทางร่างกาย แต่ผมก็ไม่ได้รังเกียจเธอ และผมก็เข้าไปส่องเฟซบุ๊ก ไอจี ของเธออยู่นาน จึงรวบรวมความกล้า ทักไปคุยกับเธอ จนพัฒนาเป็นความรัก

จนกระทั่งเธอ บอกความจริงทุกอย่างกับผม เธอส่งภาพหน้าสด ไร้เครื่องสำอางให้ผมดู ตอนแรกที่ผมเห็นก็รู้สึกช็อก ไม่คิดว่าจะรุนแรงขนาดนี้ เพราะศีรษะของเธอมีแผลฉกรรจ์ และต้องถูกตัดขา ข้างขวาไป 1 ข้าง “แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง ผมก็ยังรักเขาอยู่ดี...”

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ ของ เปิดไดอารีวัยเด็ก "เจ้าสาวเสียโฉม" พิการตั้งแต่อายุ 13 ชีวิตไม่สิ้นหวัง จนได้พบรักแท้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook