นพ.อุดม ที่ปรึกษา ศบค. รับมีโอกาสโอมิครอนผสมเดลตาเป็นไฮบริด

นพ.อุดม ที่ปรึกษา ศบค. รับมีโอกาสโอมิครอนผสมเดลตาเป็นไฮบริด

นพ.อุดม ที่ปรึกษา ศบค. รับมีโอกาสโอมิครอนผสมเดลตาเป็นไฮบริด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“นพ.อุดม” รับมีโอกาสโอมิครอนผสมเดลตากลายพันธุ์เป็นไฮบริด ห่วงฉลองปีใหม่ขอประชาชนเร่งฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดสในเดือน ธ.ค.นี้ หลังพบการฉีดลดน้อยลง พบวัคซีนกระจายในหลายพื้นที่เหลือกว่า 10 ล้านโดส

นพ.อุดม คชินทร ที่ปรึกษาศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด 19 หรือ ศบค. ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมศบค.ชุดใหญ่ ว่า วันนี้ยังไม่มีวาระพิจารณาเรื่องสถานบันเทิงเข้าที่ประชุม ขณะนี้ตนมองว่าการแพร่ระบาดโควิดกลายพันธุ์โอมิครอนมีความสำคัญมากกว่า ซึ่งองค์การอนามัยโลกหรือ WHO ได้มีการแถลงซึ่งมีข้อมูลที่ชัดเจน มีการยืนยันว่ามีการเจ็บป่วยไม่รุนแรง ซึ่งถือเป็นข่าวดี แต่พบว่ามีการแพร่ได้รวดเร็วจากสายพันธุ์เดลตา 2-5 เท่า

หากดูข้อมูลในประเทศไทยตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลงเรื่อยๆ แต่ลดลงแบบช้า ซึ่งเป็นตัวเลขที่น่าพอใจถือว่าประชาชนช่วยกันได้ดี อยากให้ดูภาพแตกต่างของประเทศไทยและประเทศฝั่งยุโรปที่มีความครอบคลุมการฉีดวัคซีนมากกว่าไทยแต่ยังมีการติดเชื้อ 3-4 หมื่นคนต่อวัน และสิ่งที่แตกต่าง คือ ไม่ได้เคร่งครัดมาตรการ ไม่สวมใส่หน้ากากอนามัย ขณะที่คนไทยสวมใส่หน้ากากอนามัยประมาณ 99% จึงขอเตือนประชาชนว่าอย่าชะล่าใจเพราะการฉีดวัคซีนป้องกันไม่ได้ 100% ทั้งนี้โอมิครอนที่ไม่รุนแรงต้องให้เครดิตการฉีดวัคซีน

ตนได้มีการดูข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขเรื่องการฉีดวัคซีนพบว่าการฉีดเข็ม 1 ขาดอีกประมาณ 7 หมื่นคนจะครบ 100 ล้านโดส ขณะที่เข็ม 2 ขาดอีกประมาณ 2-3 ล้านคน จึงอยากประชาสัมพันธ์ในคนที่ลังเลให้รีบไปฉีดเพราะสามารถป้องกันได้ หากไม่คิดถึงตัวเองก็ขอให้คิดถึงคนรอบข้าง เพราะหากติดเชื้อสามารถแพร่ไปหาคนอื่นได้ หากคนที่รับเชื้อเป็นกลุ่มสูงอายุหรือมีโรคประจำตัวอัตราการเสียชีวิตจะสูง

ซึ่งคนที่เสียชีวิตขณะนี้ 90% เป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัวและ 70% ไม่ได้รับการฉีดวัคซีน ขณะที่ตอนนี้มีการกระจายวัคซีนไปทั่วประเทศและยังไม่ได้ฉีด 10 กว่าล้านโดส แบ่งเป็นซิโนแวค 2 ล้านกว่าโดส แอสตร้าเซนเนก้าอีกกว่า 6 ล้านโดส ไฟเซอร์อีก 3 ล้านโดส เดิมตั้งเป้าการฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดสในเดือนพ.ย.แต่ไม่ได้เพราะคนลังเล ดังนั้นจึงขอกลับไปเป้าเดิมคือฉีดให้ได้ 100 ล้านโดสในเดือนธ.ค.เพื่อช่วยกันปกป้องคนรอบข้าง ปกป้องประเทศให้เศรษฐกิจเดินหน้าได้ และปกป้องตัวเองจากโอมิครอนด้วย

ในประเทศพบการติดเชื้อแล้ว 8 ราย และประเทศใกล้เคียง เช่น เกาหลีใต้พบการติดเชื้อโอมิครอนในประเทศ ซึ่งมีการกลายพันธุ์เป็นโอมิครอนได้ ซึ่งขณะนี้กระจายไปกว่า 60 ประเทศ ประเทศไทยหนีไม่พ้นและต้องเจออย่างแน่นอน และการแพร่กระจายเร็วจะทำให้เหมือนเดิมเหมือนปีที่แล้ว เดิมเบต้า เดิมแอลฟ่าประมาณ 80-90% แต่ใช้เวลาไม่ถึง 6 เดือน เดลตาเข้ามาถึง 90% ซึ่งจะเหมือนเดิมหากไม่มีความระมัดระวัง โอมิครอนก็จะเข้ามาแทนเดลตา ซึ่งสิ่งที่ป้องกัน คือ วัคซีน และอีกอย่าง คือ พฤติกรรมของตัวเราเองการสวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือ เว้นระยะห่าง

ทั้งนี้ มีความกังวลใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่เราอยากให้ไปเที่ยว อยากให้มีงาน แต่ขอให้มีความระมัดระวัง ขอให้สวมใส่หน้ากากอนามัย พยายามไม่อยู่นานเกิน 2 ชั่วโมง ซึ่งข้อมูลชัดเจนหากอยู่เกิน 2 ชั่วโมงจะเกิดการแพร่เชื้อคนใกล้เคียงสูงมาก

นอกจากนี้ การผสมกันเป็นไฮบริดระหว่างเดลตากับโอมิครอนเป็นไปได้หรือไม่นั้น นพ.อุดม ระบุว่า มีความเป็นไปได้อย่างแน่นอน การจะกลายพันธุ์ได้ต้องมีการกระจายแพร่เชื้อไป และยิ่งมีการแพร่เชื้อมากจะมีโอกาสกลายพันธุ์ หากมีการตัดขั้นตอนไม่ให้มีการแพร่กระจายโอกาสกลายพันธุ์จะลดลง ซึ่งเป็นหลักการทางการแพทย์ หากเราช่วยกันในส่วนนี้ ในส่วนของมาตรการสาธารณสุขจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดการกลายพันธุ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook