มอบตัวแล้ว หนุ่มตบสาวกลางห้าง สุดทนชอบยุ่งเรื่องส่วนตัว-โพสต์ปั่นจนครอบครัวมีปัญหา

มอบตัวแล้ว หนุ่มตบสาวกลางห้าง สุดทนชอบยุ่งเรื่องส่วนตัว-โพสต์ปั่นจนครอบครัวมีปัญหา

มอบตัวแล้ว หนุ่มตบสาวกลางห้าง สุดทนชอบยุ่งเรื่องส่วนตัว-โพสต์ปั่นจนครอบครัวมีปัญหา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

มอบตัวแล้ว หนุ่มตบสาวกลางห้าง เผยคู่กรณีเป็นแฟนของเพื่อน โมโหชอบมายุ่งเรื่องส่วนตัว โพสต์ปั่นจนครอบครัวมีปัญหา

จากกรณี น.ส.จุฑารัตน์ อายุ 21 ปี สาวที่ถูก นายนครินทร์ อายุ 30 ปี เดินเข้าไปตบกลางห้างดังย่านบางพลี ต่อหน้าลูกค้าและชาวบ้านที่เดินอยู่ในห้างจำนวนมาก โดยเหตุเกิดตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม ที่ผ่านมา ได้นำคลิปเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อ พ.ต.อ.วิโรจน์  ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี หลังเข้าแจ้งความแล้วคดีไม่คืบหน้า  

ล่าสุดเมื่อช่วงบ่ายของวันนี้ที่ 16 ธันวาคม 2564 นายนครินทร์ อายุ 30 ปี ได้เดินทางเข้ามอบตัว กับ พ.ต.ต.สิทธิพงษ์ ปานไทยสงค์ สารวัตรสอบสวน สภ.บางพลี ร้อยเวรเจ้าของคดี เพื่อรับทราบข้อกล่าวหาทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นอันตรายแก่ร่างกายหรือจิตใจ ซึ่งเป็นลหุโทษ สามารถตกลงกันได้และมีโทษเพียงปรับเท่านั้น 

นายนครินทร์ ได้ให้การรับสารภาพ ว่ากระทำจริง ตามที่ปรากฏตามคลิป เนื่องจากบันดาลโทษะ ที่ น.ส.จุฑารัตน์ ผู้เสียหายชอบมาวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของตนและครอบครัว โดยการโพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก จนครอบครัวตนต้องทะเลาะกันบ่อยครั้ง ทั้งเรื่องแม่ของตน และอีกเรื่องเกี่ยวการที่ผู้เสียหายได้โพสต์รับบริจาคเสื้อชั้นในให้กับผู้ที่เป็นมะเร็ง ซึ่งแฟนตนเป็นมะเร็งเต้านมอยู่ ตนเคยห้ามปรามแล้วว่าไม่ให้มายุ่งกับเรื่องครอบครัวของตน แต่ผู้เสียหายก็ไม่ยอมหยุด ยังโพสต์ข้อความเสียดสีตนอย่างต่อเนื่อง

และอีกประเด็นที่บอกว่าไม่รู้จักตน ทั้งที่แฟนผู้เสียหายเป็นเพื่อนสนิทกับตนแท้ๆ ตนจึงทนไม่ไหว มันสะสมอยู่ในใจมานานแล้วจึงเดินทางมาก่อเหตุดังกล่าว หลังก่อเหตุตนได้เดินทางกลับไปหาแฟนที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งเต้านมจนต้องตัดนมออกและกลับไปพักฟื้นที่บ้าน จ.สุโขทัย จนกระทั่งมาเห็นข่าวจึงเดินทางมามามอบตัว 

พ.ต.อ.วิโรจน์ ตัดโส ผกก.สภ.บางพลี กล่าวว่า  หลังจากที่ นายนครินทร์ ผู้ก่อเหตุได้เดินทางไปจังหวัดสุโขทัย เพื่อไปดูอาการของแฟนสาวที่เป็นมะเร็งและทราบข่าว จึงติดต่อเข้ามาขอมอบตัว ส่วนสาเหตุเกิดจากบันดาลโทสะ ที่จริงแล้วเป็นเพื่อนที่อยู่กลุ่มเดียวกัน โดนแฟนผู้เสียหายเป็นเพื่อนรักกับผู้ก่อเหตุ โดยผู้เสียหายโพสต์เฟซบุ๊กบางอย่างที่เกี่ยวกับตัวของแฟนผู้ก่อเหตุและเคยเตือนแล้ว ควรเป็นการให้กำลังใจกันดีกว่า โดยวันเกิดเหตุได้เห็นโพสต์ล่าสุดที่ผู้เสียหายโพสต์ จึงเกิดบันดาลโทสะจึงไปก่อเหตุขึ้น 

เบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ทำการสอบปากคำ และตรวจสอบรับใบผลการตรวจของแพทย์ ที่ระบุว่าไม่พบบาดแผลหรือร่องรอยแต่อย่างใด เป็นเพียงการทำร้ายร่างกายไม่ถึงกับเป็นอันตรายแกร่างกายหรือจิตใจ เป็นลหุโทษ  ซึ่งมีโทษปรับ  ซึ่งในเบื้องต้นผู้ก่อเหตุและผู้เสียหายได้พูดคุยกันแล้วเรื่องค่าเสียหาย ส่วนทางคดีพนักงานสอบสวนได้ทำการเปรียบเทียบปรับตามอัตราที่กฎหมายกำหนด 

 

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook