ฟังอีกมุม สาวร้านโอเกะควงมีดท้าดวลร้านข้างๆ ปมอีกฝ่ายหันกล้องวงจรปิดส่อง
ฟังอีกมุม คลิปสาวร้านโอเกะสายบู๊ ควงมีดท้าดวลร้านตามสั่งข้างๆ เดือดอีกฝ่ายหันกล้องวงจรปิดส่อง โพสต์โซเชียลให้เสียหาย ลั่นทำไมไม่ลงคลิปเต็ม
จากกรณีผู้ใช้ Tiktok รายหนึ่งนำภาพกล้องวงจรปิดขณะหญิงสาวอายุประมาณ 40 ปี ถือมีดยาว มายืนท้าทายเจ้าของร้านอาหารตามสั่ง ริมถนนสายอ่างทอง-สิงห์บุรี ต.ย่านซื่อ อ.เมือง จ.อ่างทอง พร้อมโพสต์ข้อความระบุ “ #รู้สึกตัวเองจะไม่ปลอดภัยเอาซะเลยมีทั้งปืนมีทั้งมีดเห็นว่าเราเป็นคนลาวจะคิดจะพูดจะข่มจะขู่จะฆ่าจะแกงยังก็ได้ ได้หรอคะ โดนทุกการกระทำดูคะ#คนลาว”
ซึ่งหลังจากโพสต์ไปมีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก ซึ่งล่าสุดผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังร้านอาหารที่เกิดเหตุ พบว่าร้านดังกล่าวปิดเงียบและเมื่อลองโทรสอบถามไปยังเจ้าของร้าน ก็ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์และพูดถึงเรื่องดังกล่าว โดยบอกว่าไม่สะดวกในการพูดคุย ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าร้านอาหารร้านนี้ เป็นร้านที่เพิ่งมาตั้งได้ประมาณ 2 เดือน โดยมีเจ้าของคือ นายฤทธิ์ศักดิ์ อายุ 41 ปี เป็นเจ้าของและแฟนสาวสัญชาติลาวเป็นผู้ดูแล ซึ่งนายฤทธิ์ศักดิ์ก็เดินทางไปต่างจังหวัดและยังไม่พร้อมที่จะเปิดเผยในเรื่องนี้
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบกับ นางสาวธนาพร อายุ 41 ปี ซึ่งเป็นเจ้าของร้านคาราโอเกะที่อยู่ใกล้กันและเป็นหญิงสาวที่ถือมีดอยู่ในคลิป โดย นางสาวธนาพร เล่าให้ฟังว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ทั้งสองร้านก็พูดคุยกันดีแต่ระยะหลังอยู่ดีๆ ทางเจ้าของร้านก็ไม่พูดด้วย ก็รู้สึกแปลกใจ ระยะหลังร้านนี้ก็ซื้อกล้องวงจรปิดมาติดและส่องมาทางร้าน ทำให้ตนเดินเข้าไปถาม แต่ก็เกิดมีปากเสียงกันจนเอารองเท้าขว้างใส่เรา หลังจากนั้นวันเกิดเหตุ อยู่ๆ ลูกน้องร้านคู่กรณีก็ตะโกนท้า และเอาน้ำร้อนจะไล่สาดและถือมีดทำท่าจะทำร้าย ตนจึงต้องถือมีดออกไปและไปท้าให้ออกมาข้างนอก ซึ่งคลิปที่ไปลงก็ตัดเฉพาะช่วงที่ตนเดินไปข้างร้านเขาเท่านั้น ทำไมไม่เอาคลิปทั้งหมดมาลง
ที่ผ่านมาเมื่อมีการกระทบกระทั่งเราก็เป็นคนแจ้งตำรวจให้มาไกล่เกลี่ยและก็ต่างคนต่างอยู่ แต่เขาไม่ยอมจบจนเกิดเรื่อง ก็ไกล่เกลี่ยกันแล้วก็ไม่เข้าใจว่าเอาคลิปมาลงทำไม ซึ่งถ้าเอาลงก็น่าจะเอาลงทั้งหมดอย่าตัดต่อ เพราะก็อยากต่างคนต่างอยู่อยู่แล้ว
ด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งเข้าไปไกล่เกลี่ยในวันเกิดเหตุให้ทั้งสองร้านเลิกทะเลาะวิวาทกัน ซึ่งหากยังมีเหตุอีกจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขอให้ปิดการให้บริการทั้งสองร้านเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาต่อไป