เปิดใจนักธุรกิจหนุ่ม เมาแล้วขับเบนซ์ชนดับ 3 ศพ อ้างมองไม่เห็นรถคู่กรณี (คลิป)
นักธุรกิจหนุ่มเปิดใจครั้งแรก หลังขับเบนซ์ชนดับ 3 ศพ อ้างขณะเกิดเหตุมองไม่เห็นรถคู่กรณี
ความคืบหน้ากรณีหนุ่มนักธุรกิจ ขับเบนซ์ป้ายแดงชนกับรถเก๋งฮอนด้า บริโอ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตคาซากรถรวมทั้งหมด 3 ราย บนทางด่วนศรีรัช ขั้นที่ 2 ทิศทางมุ่งหน้ามอเตอร์เวย์ ช่วงบริเวณข้ามคลองแสนแสบ เมื่อคืนที่ผ่านมา (17ธ.ค.2564)
ล่าสุด (18 ธ.ค.2564) พนักงานสอบสวนทางด่วน 2 ได้สอบปากคำ นายจินทวัส หรือโบ๊ท อายุ 33 ปี นักธุรกิจนำเข้าเครื่องสำอางคนขับรถเบนซ์ฯคันเกิดเหตุให้การว่า ได้ใช้ทางด่วนจากฉลองรัช และเปลี่ยนเป็นด่วนศรีรัช เพื่อจะกลับบ่านพักย่านศรีนครินทร์ และประสบอุบัติเหตุชนกับรถยนต์คู่กรณี โดยนายจินทวัส ยอมรับว่า ดื่มสุรามาจริงสอดคล้องกับผลการตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายพบเกินกว่ากฎหมาย
ต่อมาเวลา 13.00 น. พ.ต.ท.ประสิทธิ์ วิรัตยาภรณ์ รองผู้กำกับการ งานศูนย์ควบคุมจราจร ด่วน 2 กองบังคับการตำรวจจราจร เปิดเผยว่า ทางพนักงานสอบสวนได้แจ้งข้อกล่าวหากับนายจินทวัสแล้ว เจ้าตัวขอยื่นประกันตัวในชั้นพนักงานสอบสวน ซึ่งพนักงานสอบสวนพิจารณาแล้วว่าไม่มีพฤติการณ์หลบหนี และหลังจากรับทราบข้อหา จะไปงานร่วมพิธีศพของผู้เสียชีวิต ทางพนักงานสอบสวนจึงพิจารณาให้ประกันตัว โดยยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 200,000 บาท
ภายหลังได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว นายจินทวัสเปิดใจเป็นครั้งแรกกับสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า ตนขอโทษกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและแสดงความเสียใจจากใจจริงกับครอบครัวผู้เสียชีวิต ตนไม่มีเจตนา พร้อมยินดีที่จะชดใช้ค่าเสียหายที่เกิดขึ้นทั้งหมด และในวันนี้ ตนจะเดินทางไปเข้าร่วมงานศพของผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย
ส่วนความคืบหน้าในทางคดี เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีใน 2 ข้อหา คือ 1.ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย 2.ขับรถขณะมึนเมาสุรา เบื้องต้นผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่าก่อนเกิดเหตุไปสังสรรค์กับเพื่อนย่านรามอินทรามา และตอนเกิดเหตุมองไม่เห็นรถของคู่กรณีมาก่อน กระทั่งมีการชนกัน
พ.ต.ท.ประสิทธิ์ กล่าวต่อว่ากรณีที่ญาติผู้เสียชีวิตกังวลว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากคู่กรณีมีฐานะทางสังคม แล้วจะมีผู้ใหญ่กดดันเรื่องคดี นั้น ตนขอยืนยันว่าตำรวจจะให้ความเป็นธรรมกับทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งผลตรวจสอบปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกาย พบว่ามีจำนวน 99 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ส่วนเรื่องการเยียวยา ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปหรือข้อยุติ ซึ่งอาจต้องมีการนัดพูดคุยกันใหม่อีกครั้ง เรื่องดังกล่าวขึ้นอยู่กับทั้ง 2 ฝ่าย ที่จะต้องมาทำความเข้าใจกันต่อไป
อัลบั้มภาพ 5 ภาพ