ฮือฮา เศรษฐีแม่กลองตั้งเมรุลอยทรงจตุรมุข 5 ชั้น 9 ยอด จัดงานเผาศพแม่
เศรษฐีแม่กลองตั้งเมรุลอยทรงจตุรมุข 5 ชั้น 9 ยอด ในบ้านเรือนไทยหลังมหึมา ใช้งบกว่า 3 แสนบาท จัดงานเผาศพแม่อย่างยิ่งใหญ่
วันนี้ (18 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ "บ้านหมาใหญ่" ซึ่งเป็นฉายาของพี่ชายคนโต หรือช่วงงานศพใช้ชื่อ "บ้านสวนเรือนไทย" หมู่ 10 ตำบลกระดังงา อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานสวดพระอภิธรรมและฌาปนกิจศพ นางเฮียง ศรีสนอง วัย 90 ปี โดยในงานได้จัดตั้งเมรุลอย หลังใหญ่สวยงามไว้ในบริเวณบ้านเรือนไทย ที่ปลูกสร้างอยู่ท่ามกลางสวนมะพร้าวเนื้อที่กว่า 1 ไร่
นอกจากนี้ เจ้าภาพยังได้จัดให้มีมหรสพลิเกคณะดังมาเปิด วิกการแสดง 2 คืนติดต่อกัน สร้างความคึกคักให้กับชาวบ้านในพื้นที่อย่างมาก เนื่องจากไม่เคยเห็นใครจัดงานศพให้กับบุคคลธรรมดาอย่างยิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อน
สำหรับเมรุลอยดังกล่าว ตั้งบริเวณลานกว้างหน้าบ้านซึ่งเป็นหมู่เรือนไทยหลายหลังปลูกสร้างติดกัน โดยเมรุลอยเป็นทรงจตุรมุข 5 ชั้น 9 ยอด ตกแต่งด้วยลวดลายกนกและเทพพนม ความกว้างด้านละ 16 เมตร ความสูง 15 เมตร บันได 19 ขั้น ตั้งคร่อมต้นพะยอมยักษ์อายุกว่า 100 ปี
บริเวณโดยรอบเมรุลอยมีการประดับหลอดไฟ และจัดตกแต่งประดับประดาดอกไม้สีขาวอย่างงดงาม พื้นที่รอบเมรุลอยเจ้าภาพได้นำเรือสำปั้นบรรทุกมะพร้าวอ่อนมาวางไว้ พร้อมผลไม้ในสวน เช่น กล้วยน้ำว้า ละมุด มะละกอ เพื่อเป็นอนุสรณ์ระลึกถึงผู้ตาย
เนื่องจากในอดีตเป็นแม่ค้าพายเรือนำมะพร้าวอ่อนและน้ำตาลมะพร้าว รวมถึงผลไม้ตามฤดูกาลไปขายตามตลาดแม่กลอง และตลาดนัดทางเรือในพื้นที่รอบบริเวณงาน ตั้งแต่ทางเข้าและในจุดต่างๆ ได้จัดให้มีจุดวัดอุณหภูมิ เจลแอลกอฮอล์ ล้างมือ หน้ากากอนามัย ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างเข้มงวด
จากการสอบถาม นายสมชาย ศรีสนอง อายุ 56 ปี เจ้าภาพงานศพ กล่าวว่า นางเฮียง ศรีสนอง มารดา เสียชีวิตลงอย่างสงบ ในวัย 90 ปี ด้วยโรคชรา ลูกๆ ได้เก็บศพไว้ 100 วัน ก่อนจัดพิธีสวดพระอภิธรรม ตั้งแต่วันที่ 14 ธ.ค. เป็นต้นมา และกำหนดพิธีฌาปนกิจศพในช่วง 18.00 น. ของวันที่ 19 ธ.ค. เป็นการเผาจริงบนเมรุลอยที่จัดตั้งขึ้น
สำหรับ นางเฮียง มารดา มีลูกทั้งหมด 9 คน เป็นผู้ชาย 6 คน ผู้หญิง 3 คน เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก 2 คน ตนเป็นลูกชายคนที่ 3 ซึ่งแม่เลี้ยงลูกทุกคนด้วยความวิริยอุตสาหะ จนเติบใหญ่ได้ดีกันทุกคน ทั้งที่เป็นเพียงแม่ค้าขายผลไม้ พายเรือส่งลูกเรียนหนังสือ
ต่อมาลูกๆ ได้แยกย้ายไปทำธุรกิจโรงน้ำแข็งชื่อ “วารีทิพย์” ตั้งอยู่จังหวัดสมุทรปราการ และทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนมีฐานะดีขึ้น และกลับมาช่วยกันสร้างบ้านเรือนไทยหลังนี้ให้พ่อแม่ได้อยู่อาศัย
จากนั้นเมื่อมารดาเสียชีวิต ลูกๆ ได้ปรึกษากันจะจัดงานศพให้แม่อย่างสมเกียรติ ได้ไปว่าจ้างเมรุลอยของลุงแถม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในราคา 2 แสนบาทเศษ มาติดตั้ง หากรวมค่าประดับตกแต่งดอกไม้ต่างๆ รวมทั้งสิ้นราว 3 แสนบาท ยังไม่นับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ยังไม่ได้รวมตัวเลข
การจัดงานครั้งนี้ไม่ได้เป็นการใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แต่ถือว่าเป็นการตอบแทนพระคุณมารดา และตอบแทนค่าน้ำนมที่แม่เลี้ยงพวกเรามาเป็นครั้งสุดท้าย เป็นความภาคภูมิใจของทุกคนในครอบครัวอีกทั้งยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในภาพรวมได้หมุนเวียน เนื่องจากในช่วง 2 ปีที่โควิด-19 แพร่ระบาด ผู้เกี่ยวข้องในธุรกิจจัดงานศพและอื่นๆ ต่างซบเซาไปตามๆ กัน
เมื่อพวกเรามีฐานะที่พอจะช่วยเหลือ พวกเขาได้บ้างก็สมควรทำ อีกทั้งพ่อแม่สั่งสอนลูกๆ ว่าให้ช่วยเหลือคนที่ด้อยกว่า และถือเป็นการกระจายเม็ดเงินลงสู่ฐานราก เพื่อช่วยกระตุ้นให้วงจรธุรกิจ และเศรษฐกิจขับเคลื่อนต่อไปได้
อัลบั้มภาพ 8 ภาพ