เผยสายลับพม่าเกลื่อนระนองล้วงตับไทยอยู่ลอยนวล
ทหารไทยอึ้งจับสอบรู้ข้อมูลดี แต่ปล่อยอ้างไม่มีหลักฐาน ด้านพม่าแปรพักตร์ระบุสายลับพม่าเกลื่อนระนอง แฝงตัวตังเก ก่อสร้าง แม่บ้าน แปลกใจไทยเฉย
แหล่งข่าวความมั่นคง จ.ระนอง เปิดเผยขณะนี้พบข้อมูลมีสายลับหรือเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะพม่าได้แฝงตัวเข้ามาอยู่จังหวัดระนอง และใกล้เคียงเป็นจำนวนมาก โดยแฝงตัวเป็นตังเกเรือประมง คนงานก่อสร้าง หญิงรับใช้ เป็นต้น เพื่อเก็บข้อมูลในแต่ละด้านทั้งด้านความมั่นคง เศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษา การท่องเที่ยว การลงทุน
ที่ผ่านมามีข้อสังเกตหลายครั้งที่เกิดความขัดแย้ง ซึ่งนำไปสู่การประท้วงในที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนไทยพม่า พบว่าข้อมูลพม่านำมาใช้ประท้วงจะมีรายละเอียดที่ชัดเจน เช่น กรณีทหารไทยจับเรือโดยสารหางยาวข้ามฟากจาก จ.เกาะสอง มายังจ.ระนอง ทางการพม่าสามารถระบุวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ จำนวนเจ้าหน้าที่เข้าจับกุม รวมถึงเครื่องแต่งกาย ยศ ชื่อ ตำแหน่ง หรือกรณีเครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ฝั่งไทยบินพลัดหลงเข้าไปในเขตประเทศพม่า และทหารพม่ายื่นหนังสือประท้วงในระหว่างการประชุมคณะกรรมการชายไทยระดับท้องถิ่น (TBC)
โดยทางการพม่าสามารถระบุหมายเลขเครื่องยนต์ของเครื่องบินลำดังกล่าว พร้อมระบุว่าขึ้นมาจากสนามบินใด ใครเป็นนักบิน ยศอะไร แต่งการด้วยชุดสีอะไร ซึ่งจากข้อมูล รายละเอียดที่ปรากฏดังกล่าวหากไม่มีการวางสายข่าวไว้อย่างเป็นระบบ ยากที่จะระบุรายละเอียดเหล่านั้นได้ ซึ่งทำให้ขณะนี้หลายฝ่ายเริ่มวิตกว่าขณะนี้ทางการพม่าสามารถทราบรายละเอียดเกี่ยวกับฝั่งไทยในทุกด้าน หากกรณีเกิดปัญหาเช่นความขัดแย้งกับกัมพูชาอาจจะทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบได้
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยัง พ.อ.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ ผู้บังคับการหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 25 ซึ่งรับมอบภารกิจดูแลพื้นที่ชายแดนด้านจังหวัดระนอง-ชุมพร กล่าวว่า เคยมีข้อมูลเจ้าหน้าที่หน่วยข่าวกรองของพม่าแฝงตัวเข้ามาอยู่ฝั่งไทย ซึ่งนำตัวผู้ต้องสงสัยเข้ามาสอบสวน แต่พบว่าไม่มีหลักฐานใดๆ จึงจำเป็นต้องปล่อยตัวไปในที่สุด
"เรื่องนี้ทหารไม่ยอมอย่างแน่นอน หากพบหรือปรากฏแน่ชัดว่าเป็นสายลับ ที่เข้ามาล้วงความลับของไทย ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงอย่างแน่นอน ทางทหารพร้อมที่จะดำเนินการทันที" พ.อ.พรศักดิ์ กล่าว
นายโซ วิน อดีตสายลับของพม่า ปัจจุบันได้ลี้ภัยมาอยู่กับทางการไทย และทำงานให้กับหน่วยงานด้านข่าวกรองของไทยกล่าวให้ข้อมูลว่าในอดีตตนเป็นหัวหน้าสายลับทหารยศพันโท อยู่กับนางออง ซาน ซูจี แต่เมื่อเกิดปัญหาทางการเมืองจำเป็นจะต้องลี้ภัยมาอาศัยอยู่ในประเทศไทย ทำให้ทรัพย์สินที่เคยมีอยู่ในประเทศพม่าโดยเฉพาะที่ดินนับ 100 ไร่ ถูกทางการพม่ายึดคืนไปหมดแล้ว
"พม่าเป็นประเทศอันดับสามด้านความเชี่ยวชาญในการวางหน่วยข่าวกรอง ซึ่งในประเทศไทย บอกได้เลยมีสายลับพม่า รวมถึงประเทศเพื่อนบ้านอื่นๆ เดินเพ่นพ่านไปหมด ซึ่งรู้สึกแปลกใจทำไมประเทศไทยไม่ดำเนินการอะไร ทั้งนี้เข้ามาล้วงความลับของไทย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อไทยอย่างแน่นอน"
นายโซ วิน กล่าวต่อว่า หลายครั้งที่ทางเจ้าหน้าที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองจ.ระนอง เจ้าหน้าที่ทหาร หรือตำรวจจับกุมแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายหลบหนีเข้าเมือง ซึ่งแทบทุกครั้งทางเจ้าหน้าที่จะเรียกตนไปเป็นล่ามในการแปลภาษา และบางครั้งตนจะพบสายลับพม่าทั้งผู้หญิง ผู้ชาย ปะปนอยู่กับกลุ่มแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายที่ถูกจับกุม และตนก็พยายามบอกให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยแล้ว
"แต่ก็ไม่ดำเนินการอะไร บอกว่าไม่มีหลักฐาน ถ้าส่งขึ้นศาลก็มีแต่จะยกฟ้อง ซึ่งผิดกับประเทศของผมหากพบผู้ต้องสงสัยเป็นสายลับจะถูกจับกุมตัวไว้ก่อน หากสอบสวนไม่มีหลักฐานก็อาจจะเชิญออกนอกประเทศ เราไม่รู้ว่าข้อมูลที่สายลับเหล่านั้นโจรกรรมไป เขาจะนำไปทำอะไรบ้าง ซึ่งแน่นอนว่าต้องเป็นประโยชน์กับอีกฝ่ายอย่างแน่นอน" อดีตหน่วยข่าวของพม่า ระบุ