ฆ่าโหดเผารถยนต์อำพรางศพชาวญี่ปุ่น

ฆ่าโหดเผารถยนต์อำพรางศพชาวญี่ปุ่น

ฆ่าโหดเผารถยนต์อำพรางศพชาวญี่ปุ่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ฆ่าโหดชาวญี่ปุ่นเผารถอำพราง ตำรวจภูเก็ตตามรอยถึงบ้านพบคราบเลือด สอบสวนเมียสาวชาวไทย ระบุอยู่กินกันมาตั้งแต่ปี 51 แล้วมาขอมีแฟนเพิ่มอีกคน โดนเค้นจนสารภาพลงมือฆ่าเอง

เมื่อเวลา 04.20 น. วันที่ 25 พฤศจิกายน ร.ต.ท.เชียรชัย ดวงสุวรรณ์ ร้อยเวรสภ.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต รับแจ้งว่า มีเหตุรถยนต์เก๋งถูกเพลิงไหม้วอดทั้งคัน เหตุเกิดที่ซอยกลุ่มยาง หมู่ 7 ต.ฉลอง จึงนำกำลังไปตรวจสอบ พร้อมด้วยพ.ต.อ.โกมล วัตรากรณ์ รองผบก.ภ.จว.ภูเก็ต พ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง

ที่เกิดเหตุเป็นถนนเส้นทางสายเปลี่ยวถนนลูกรังเป็นทางตัน ห่างจากถนนเจ้าฟ้าตะวันออกประมาณ 6 กิโลเมตร เพลิงกำลังลุกไหม้ เจ้าหน้าที่ดับเพลิงระดมฉีดน้ำกว่า 30 นาที จึงสงบ แต่รถถูกเผาทั้งคัน ตรวจสอบพบว่าเป็นรถเก๋งยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค ไม่ทราบสี และหมายเลขทะเบียน โหลดเตี้ย ที่เบาะนั่งด้านข้างคนขับซึ่งถูกปรับเอนลงจนราบพบศพถูกเพลิงเผาไหม้เหลือแต่โครงกระดูกไม่สามารถระบุเพศ อายุ หรือสัญชาติได้ นอกจากนี้ห่างจากสถานที่เกิดเหตุประมาณ 200 เมตร พบเสื้อยืดสีบรอนซ์ เปื้อนเลือดตกอยู่ 1 ตัว จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน พร้อมทั้งตรวจสอบหมายเลขเครื่องและหมายเลขตัวถังรถ เพื่อหาเจ้าของรถ

นายชัยวิชิต มะพันธ์ อายุ 32 ปี อาชีพพนักงานโรงแรมกะหลิมป่าตองเรซิเด้นท์ ต.ป่าตอง อ.กะทู้ จ.ภูเก็ต ให้การว่าขณะที่กำลังนอนหลับอยู่ในแคมป์คนงานซึ่งอยู่ห่างจากที่เกิดเหตุประมาณ 10 เมตร ก็ได้ยินเสียงรถวิ่งผ่านหน้าบ้าน ทำให้เกิดความสงสัยเพราะเป็นทางตัน คาดว่าอาจจะหลงมา จากนั้นก็เห็นรถถอยผ่านหน้าบ้านอีกครั้ง โดยระหว่างที่ถอยหลังผ่านหน้าบ้านนั้น ได้ยินคนที่นั่งอยู่ในรถพูดเป็นภาษาภาคกลาง ว่า "ทางตัน ทางตัน ไปไม่ได้" ก่อนที่รถจะติดหล่ม ตนจึงเดินออกมาจากบ้านเพื่อช่วยเหลือ จำได้ว่ารถเก๋งคันกล่าวยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีบรอนซ์ ป้ายแดง จำหมายเลขทะเบียนไม่ได้ อย่างไรก็ตามระหว่างที่กำลังเข็นรถกันอยู่ตนปวดปัสสาวะ จึงไปหลังบ้านเพื่อปัสสาวะ ประมาณ 10 นาที ก็มีไฟลุกไหม้อย่างหนักจากภายในตัวรถ ก่อนที่จะลุกลามทั้งคัน จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ

ด้านพ.ต.อ.ชินรัตน์ ฤทธาคณานนท์ ผกก.สภ.ฉลอง กล่าวว่า ภายในรถยนต์พบศพเหลือแค่โครงกระดูก ไม่สามารถระบุได้ว่าผู้ตายเป็นใครมาจากไหน คนร้ายน่าจะมาด้วยกัน 2 คน และได้หาที่เปลี่ยวเพื่อเผาอำพรางคดี และน่าจะเป็นคนนอกพื้นที่ เนื่องจากไม่ชำนาญเส้นทาง

"เส้นทางเป็นทางสายเปลี่ยวและทางตัน แต่คนร้ายยังขับรถเข้าไป และพยายามที่จะขับรถออกไป แต่รถติดล่ม จากนั้นคนร้ายตัดสินใจนำน้ำมันเบนซินที่เตรียมมาราดภายในรถ และราดที่ศพ จุดไฟเผา ก่อนวิ่งหลบหนีไป เบื้องต้นได้ตั้งประเด็นการสังหารโหดครั้งนี้ไว้หลายประเด็นทั้งการพนัน ชู้สาว หนี้สิน และการทำธุรกิจผิดกฎหมาย ซึ่งจะได้สืบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป" พ.ต.อ.ชินรัตน์ กล่าว

ต่อมาในเวลา 14.00 น. วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจทราบว่ารถคันเกิดเหตุเป็นรถยี่ห้อฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว ทะเบียน กจ 333 ภูเก็ต เจ้าของคือ น.ส.ทับทิม แซ่หัก อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 63/376 ซอย 5/6 ถนนวิรัชหงส์หยก หมู่ 4 ต.วิชิต อ.เมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นที่ตั้งของบริษัทวาย เอ็ม ดี ภูเก็ต จำกัด ประกอบกิจการเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เมื่อไปตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว พบคราบเลือดที่ฝาผนัง และที่ฝาปิดตู้เย็น จึงนำตัวน.ส.ทับทิมไปสอบสวน

น.ส.ทับทิมให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจว่า อยู่กินกับนายยูกิโฮะ ยามาดะ อายุ 75 ปี ชาวญี่ปุ่น มีอาชีพเปิดร้านขายเครื่องดนตรีที่กรุงโตเกียว จะเดินทางมาเมืองไทย 3 เดือน อยู่ญี่ปุ่น 3 เดือน สลับกัน และแต่งงานกันเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2551 จากนั้นอีก 4-5 เดือนก็เริ่มมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง จนกระทั่งเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานายยูกิโฮะได้มาขอมีแฟนเพิ่มอีกคน และเคยพามาที่บ้าน ต่อมาเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นายยามาดะได้นำรถออกไป และหายไปทั้งคืน จนมาทราบจากตำรวจว่ารถถูกเผา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะเจ้าหน้าที่สอบสวนน.ส.ทับทิมอยู่นั้นได้มีนายคะชึชิ มิยาชิตะ นายกสมาคมชาวญี่ปุ่นที่อาศัยอยู่ในจ.ภูเก็ต เดินทางมาที่บ้านดังกล่าว โดยระบุว่า เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ได้นัดกับนายยูกิโฮะ ยามาดะ เพื่อไปออกรอบเล่นกอล์ฟ แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายนายยูกิโฮะไม่ได้ไปตามที่นัดหมายเอาไว้ โทรศัพท์ไปก็ไม่พบ จึงเดินทางมาหาที่บ้านพัก

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การของน.ส.ทับทิม จึงนำตัวไปสอบสวนเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าศพที่พบเป็นนายยูกิโฮะ ต้องรอญาติของนายยูกิโฮะ เดินทางจากญี่ปุ่นเพื่อตรวจสอบดีเอ็นเอว่าตรงกันหรือไม่

ต่อมาเมื่อเวลา 19.00 น.พล.ต.ต.พิทักษ์ จารุสมบัติ รักษาราชการผบช.ภ.8 ได้นำตัวน.ส.ทับทิม ไปแถลงข่าวที่ห้องประชุมสภ.เมืองภูเก็ต ระบุว่าจากการสอบสวนน.ส.ทับทิม ให้การรับสารภาพ โดยอ้างว่านายสุวิทย์ หรือไก่ แม้นศรี อายุ 21 ปี เป็นผู้ใช้เหล็กตีนายยูกิโฮะ จนเสียชีวิต ก่อนนำศพขึ้นรถไปเผาอำพราง ซึ่งตำรวจจะติดตามจับกุมนายสุวิทย์มาดำเนินคดีต่อไป ส่วน น.ส.ทับทิม เบื้องต้นได้แจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันฆ่าผู้อื่น พร้อมทั้งควบคุมตัวไว้สอบสวนเพิ่มเติมต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook