อนุทิน พร้อมรับมือโอมิครอน ยาพอ-วัคซีนพอ ย้ำมาตรการเข้าไทยเข้มข้นกว่าต่างประเทศ
“อนุทิน” เผยพบผู้ป่วยติดเชื้อโอมิครอนแล้ว 104 ราย ยันโรงพยาบาลที่รับรักษาผู้ป่วย มียาเพียงพอ ยาเราผลิตเอง วัคซีนก็มีเพียงพอ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงความคืบหน้าผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์โอมิครอนในประเทศไทย ว่า ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อที่เข้าข่ายสายพันธุ์โอมิครอน รวมทั้งสิ้น 104 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการติดตามผู้สัมผัสทั้งหมด โดยมี 1 ครอบครัว ที่เดินทางจาก จ.กาฬสินธุ์ ไป จ.อุดรธานี ก่อนกลับเข้ามากรุงเทพฯ ภายหลังกลับมาจากต่างประเทศ ซึ่งมีการตรวจช่วงแรกที่เข้าประเทศไม่พบเชื้อ แต่เมื่อตรวจซ้ำ ได้พบเชื้อจึงได้ตามตัว โดยมั่นใจว่าไม่เป็นกรณีใหญ่เพราะรู้เส้นทาง
นายอนุทิน กล่าวว่า ทางการแพทย์ ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่าเชื้อสายพันธุ์โอมิครอน กับ เดลตา อาการไม่ได้รุนแรงกว่ากัน แต่ความสามารถในการแพร่กระจายเชื้อเร็วกว่า จึงต้องพิจารณาเพิ่มเติมว่าการแพร่กระจายที่รวดเร็วในฝั่งยุโรป กับฝั่งประเทศไทยจะแตกต่างกันหรือไม่ เนื่องจากไทยมีมาตรการมีมาตรการที่เข้มข้นในการดำรงชีวิตประจำวัน เพราะไทยมี DMHT กว่า 90% รวมถึงการรับวัคซีนภายในประเทศ มาตรการในการเข้าประเทศของไทยมีความเข้มข้นกว่าต่างประเทศ โดยย้ำว่า หากยังไม่มีการพิสูจน์ทางการแพทย์ว่าอาการจะตอบสนองอย่างรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น ก็จะใช้มาตรการเฝ้าระวังต่อไป และที่สำคัญการกระตุ้นวัคซีนเข็ม 3 ก็จะเป็นการป้องกันได้ดี
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า โรงพยาบาลที่รับรักษาผู้ป่วยมียาเพียงพอ ยาเราผลิตเอง อีกทั้งวัคซีนก็มีเพียงพอ ประกอบกับใช้มาตรการ DMHT จากนี้คงต้องขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้เข้มข้นในการใช้ระบบโควิด ฟรี เซตติ้ง เพราะรัฐบาลไม่ได้มีคำสั่งให้ปิดกิจการ และหากจังหวัดใดจัดการโดยไม่สามารถควบคุมประชาชนตามมาตรการที่รัฐกำหนดได้ ก็ต้องถือว่าบกพร่องและมีความผิดตามกฎหมาย รวมถึงผู้ที่อนุญาตให้จัดก็ต้องร่วมรับผิดชอบด้วย ซึ่งประชาชนก็ต้องให้ความร่วมมือ หากทำได้แบบนี้โอกาสในการลดความเสี่ยงก็จะเกิดขึ้นได้ในระดับหนึ่ง
นายอนุทิน ระบุว่าประสบการณ์ในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ที่มีอาการไม่รุนแรง โดยใช้ระบบโฮม ไอโซเลชัน หรือ คอมมูนิตี้ ไอโซเลชันเป็นสิ่งที่ได้ผล ซึ่งกระทรวงสาธารณสุข กำลังเดินหน้าเรื่องนี้ในการรับมือ หากเจ็บป่วยปานกลางหลังจากนี้ก็จะใช้โรงพยาบาลสนาม ฮอสพิเทล ส่วนโรงพยาบาลก็จะไว้รองรับผู้ป่วยหนัก ดังนั้นเชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้ ดูแลประชาชนได้เพียงพอ ประกอบส่วนใหญ่ได้รับวัคซีนเพียงพอ ก็จะลดการเจ็บป่วยที่หนักได้ ขออย่ากังวลจนเกินไป หากเรายังคงใช้มาตรการรักษาระยะห่างอย่างเข้มข้น ก็จะลดอัตราเสี่ยงการติดเชื้อได้มากอยู่แล้ว
นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในจำนวนผู้ติดเชื้อโอมิครอนที่พบ 104 รายนั้น ทั้งหมดยังเป็นการผูกโยงกับผู้เดินทางจากต่างประเทศ โดยใน 104 รายนี้ มี 1 รายที่รายงานไปก่อนหน้านี้แล้วคือ ภรรยาคนไทยที่ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศแต่ติดเชื้อโอมิครอนจากสามีที่เดินทางมาจากต่างประเทศ และอีก 1 รายที่พบว่าเป็นลูกเขยที่ไม่ได้เดินทางไปต่างประเทศ แต่ติดเชื้อจากคู่สามีภรรยาที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ เป็นกรณีครอบครัวกาฬสินธุ์โดยลูกเขยอยู่ที่จ.อุดรธานี
“ขอย้ำว่าทั้งหมดยังเป็นการติดเชื้อโอมิครอนที่ผูกโยงกับผู้เดินทางมาจากต่างประเทศทั้งสิ้น ยังไม่มีจุดเริ่มต้นที่เกิดขึ้นในประเทศไทยหรือมีคลัสเตอร์ที่เจอในประเทศไทย”นพ.ศุภกิจกล่าว