ร้านเบเกอรี่ออเดอร์สุดปัง แต่หนีค่าเช่า-เบี้ยวแชร์ เจ้าของตึกช็อกสภาพแสนโสโครก

ร้านเบเกอรี่ออเดอร์สุดปัง แต่หนีค่าเช่า-เบี้ยวแชร์-ค้างค่าไฟจนโดนถอดมิเตอร์ เจ้าของตึกช็อกสภาพภายในร้านสกปรกหนักมากฃ

(23 ธ.ค. 64) ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จาก นางนุชนาฎ ชมพูมาตย์ อายุ 51 ปี เจ้าของร้านขายของชำในตลาดอุดมกิตต์ 2 หลังเครือสหพัฒน์ หมู่ที่ 11 ตำบลหนองขาม อำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ว่า ได้ถูกผู้เช่าคือ นายวระสิฐ อายุ 29 ปี และ นางสาวสุธิดา อายุ 30 ปี ซึ่งเป็นสามีภรรยากัน ได้หลบหนีค้างค่าชำระค่าเช่าอาคารพาณิชย์สูง 4 ชั้น พอเข้าไปตรวจสอบพบว่าผู้เช่าได้ขนของหลบหนีไปแล้ว 

เมื่อผู้สื่อข่าวไปถึง ก็ให้น้องมีนผู้เป็นลูกสาว พาผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบอาคารพาณิชย์หลังดังกล่าว พบว่าด้านหน้าผู้เช่าได้เปิดเป็นร้านรับทำเบเกอรี่ ชื่อร้าน “ใบหม่อนเบเกอรี่” เมื่อเปิดประตูเข้าไปพบเป็นอาคารว่างเปล่า พบว่าเจ้าของอาคารได้ทำความสะอาดไปบางส่วนแล้ว แต่ยังเหลือร่องรอยความสกปรกเป็นคราบติดพื้นผนังอยู่หลายแห่ง เมื่อเดินเข้าไปหลังร้านยังพบอุปกรณ์ทำเบเกอรี่ ชั้นวางของ และเตาอบขนมปังที่เสียแล้ววางกองอยู่หลังบ้าน ระเกะระกะไปหมด

ส่วนในตัวอาคารยังพบร่องรอยความเสียหายของกำแพงที่ถูกเจาะเป็นรูขนาดใหญ่ รวมทั้งมิเตอร์ไฟฟ้าถูกตัดออก โดยทราบว่าเจ้าหน้าที่การไฟฟ้ามาตัดมิเตอร์ไป หลังจากผู้เช่าได้ค้างค่าเช่าเป็นเวลา 6 เดือน ส่วนมิเตอร์น้ำประปายังคงอยู่ โดยเจ้าของอาคารยังได้เปิดรูปภาพที่ได้บันทึกไว้ก่อนจะเข้ามาทำความสะอาด ทำให้เห็นถึงความสกปรกของอาคารหลังดังกล่าว รวมทั้งถุงขยะสีดำกองใหญ่ที่ผู้เช่าได้วางทิ้งไว้ ก่อนที่เจ้าของอาคารจะนำขยะไปทิ้งแล้ว

โดย นางนุชนาฎ เปิดเผยว่า แต่ก่อนหน้านี้ผู้เช่ารายนี้ได้มีปัญหาเกี่ยวกับค่าเช่ามาบ้างแล้ว โดยจะจ่ายค่าเช่าไม่ตรงตามนัด และในช่วงโควิดระบาด ตนเองก็ลดค่าเช่าจากเดือนละ 15,000 บาท เหลือ 12,000 บาทต่อเดือน เพื่อช่วยกันพยุงร้านเบเกอรี่ให้ไปให้รอด ซึ่งปกติร้านเบเกอรี่ของผู้เช่ามีลูกค้าเข้าไปสั่งออเดอร์เป็นจำนวนมากด้วย   

จนกระทั่งเดือนล่าสุดก็มีการผลัดค่าเช่าออกไปอีกจนมีเพื่อนบ้านมาบอกว่าผู้เช่าได้ขนของออกไปแล้วนะ จึงเข้าไปตรวจสอบแทบร้องไห้ เมื่อพบว่าอาคารที่ตนเองเพิ่งจะทาสีใหม่ มีความสกปรกเสียหาย ขยะเต็มพื้น คราบอาหารเกาะติดเต็มพื้นบ้าน กำแพงถูกเจาะได้รับความเสียหาย โดยทิ้งข้าวของเครื่องใช้ที่เสียหายหรือชำรุดกองไว้หลังบ้าน จึงพยายามติดต่อไปก็พบว่าปิดเฟซบุ๊ก ปิดโทรศัพท์มือถือ ไม่สามารถติดต่อได้ ลูกสาวจึงได้โพสต์เฟซบุ๊กประกาศตามหา

ซึ่งค่าเสียหายผู้เช่ารายนี้ได้ค้างค่าเช่าอาคารเป็นจำนวน 2 เดือน 24,000 บาท ค้างค่าไฟฟ้าอีก 6 เดือน เป็นเงิน 22,642.49 บาท จนถูกตัดมิเตอร์ไฟฟ้า ค่าไฟที่แจ้งเพิ่มมาอีกกว่า 3,000 บาท ค่าแชร์ที่เล่นกับลูกสาวอีกกว่า 1 แสนบาท ซึ่งผู้เช่ายังได้ไปแอบอ้างร้านค้าต่างๆ ว่าเป็นญาติของเรา ไปลงเครดิตสินค้าไว้อีกหลายร้าน เป็นจำนวนเงินอีกหลายหมื่นบาท ซึ่งมีเจ้าหนี้บางรายเดินทางไปแจ้งความไว้แล้ว ซึ่งก็ขอบอกผ่านสื่อด้วยว่า บุคคลผู้นี้ไม่ได้เป็นญาติของตนเองแต่อย่างใด ถ้าบุคคลท่านนี้ไปแอบอ้างชื่อไปยืมเงินหรือไปเครดิตของไว้ ทำให้เกิดความเสียหายขอให้ไปแจ้งความได้ทันที ทางเราจะไม่ขอรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น

สุดท้ายนี้ขอฝากไปถึงผู้เช่ารายนี้ให้เข้ามาคุยกัน หรือโทรศัพท์ติดต่อมา เอาความจริงมาคุยกัน อย่ามาโกหกกัน เรื่องแบบนี้สามารถเจรจาต่อรองกันได้ นึกถึงหน้าลูกทั้ง 2 คนที่ในภายภาคหน้าจะเป็นอนาคตของชาติ โดยตนเองให้เวลาอีก 1 วัน ถ้าหากไม่ติดต่อมาจะเดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีอย่างแน่นอน