ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 7ปีอดีตผญบ.พยานเท็จเล่นงานนายกทม.ลำปาง

ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 7ปีอดีตผญบ.พยานเท็จเล่นงานนายกทม.ลำปาง

ศาลอุทธรณ์สั่งจำคุก 7ปีอดีตผญบ.พยานเท็จเล่นงานนายกทม.ลำปาง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ศาลอุทธรณ์ภาค5 สั่งจำคุก7ปีตัดสิทธิ์การเมือง 20ปีอดีตผญบ.เป็นพยานเท็จกล่าวหาอดีตนายกเทศบาลเมืองเขลางค์นคร โดนใบเหลืองหลุดเก้าอี้

นายไพฑูรย์ โพธิ์ทอง อดีตนายกเทศบาลเมืองเขลางค์นคร อ.เมือง จ.ลำปาง หัวหน้ากลุ่มพัฒนาเมืองเขลางค์นคร เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 ที่ผ่านมา ศาลอุทธรณ์ภาค 5 จ.เชียงใหม่ ได้มีคำพิพากษาให้นายน้อย ใจละออ อดีตผู้ใหญ่บ้านไร่นาน้อย หมู่ 5 ต.ปงแสนทอง อ.เมือง จ.ลำปาง จำคุกเป็นเวลา 7 ปี โดยไม่รอลงอาญา และตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 20 ปี ในคดีเป็นพยานเท็จในการเลือกตั้งนายกและสมาชิกสภาเทศบาลเมืองเขลาค์นคร อ.เมือง จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2547 โดยนายน้อย และพวก กล่าวหาว่า ตนซื้อเสียงในการเลือกตั้งในครั้งนั้น

สำหรับการเลือกตั้งในครั้งนั้น ตนชนะการเลือกตั้ง และถูกร้องเรียนเรื่องการซื้อเสียงในการเลือกตั้ง พร้อมกับ สท.ทั้ง 3 เขต ภายหลังกกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2547 ซึ่งขณะนั้น พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ เป็นประธาน กกต.

ต่อมาในวันที่ 22 มิถุนายน 2547 ตนได้รับหนังสือแจ้งรายละเอียดข้อกล่าวหาจาก กกต.ประจำจังหวัดลำปาง พร้อมกับให้ตนส่งรายชื่อพยานและรายละเอียดตามข้อกล่าวหาทั้งหมด ซึ่งร้องเรียนเรื่องการซื้อเสียงเลือกตั้ง จำนวน 15 ข้อกล่าวหา ซึ่งตนก็ได้ทำหนังสือชี้แจงตอบข้อกล่าวหาทั้งหมดตามความเป็นจริง แต่ในที่สุด กกต.กลางได้ชี้ขาดโดยสั่งให้ใบเหลืองกับตน และเพิ่งเข้าดำรงตำแหน่งนายกเทศมนตรีฯได้เพียง 3 เดือน 19 วัน

นายไพฑูรย์ กล่าวอีกว่า ข้อกล่าวหาที่ตนได้รับ และการชี้ขาดของ กกต.ให้ใบเหลือง กับตน น่าสงสัยอย่างมาก โดยเฉพาะข้อกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 ที่กล่าวหาตนกับพวก คือ นายสมเพชร ชมพูศรี และผู้สมัคร สท.เมืองเขลางค์ฯ นำเงินจำนวน 500 บาท ไปซื้อเสียงที่บ้านเลขที่ 140 หมู่ 5 ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง เพื่อให้เลือกตน และพวก โดยบ้านหลังดังกล่าวมี นายน้อย ใจละออ อดีตผู้ใหญ่บ้านไร่นาน้อย หมู่ 5 เป็นเจ้าบ้าน

ส่วนข้อสงสัยประการที่สอง กล่าวหาว่า นายประพันธ์ ใจสาร และพวกอีก 1 คน ไม่ทราบว่าเป็นใคร นำเงิน จำนวน 500 บาท ไปซื้อเสียงที่บ้านเลขที่ 101 หมู่ 11 ต.ปงแสนทอง อ.เมืองลำปาง เพื่อให้ลงคะแนนให้กับตนเองและพวก และเจ้าของบ้านคือ นายเจริญ แก้วก้อ เป็นอดีตผู้ใหญ่บ้านไร่ข่วงเปา หมู่ 11 ทั้งสองคนได้เป็นพยานว่าตนได้จ่ายเงินในการซื้อเสียง ซึ่งตนทราบดีว่าทั้งสองให้การเป็นเท็จ อีกทั้งเคยเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านไม่ควรจะกระทำเช่นนี้

อย่างไรก็ตาม เพื่อพิสูจน์ความจริง ตนจึงได้ยื่นฟ้องนายน้อย และนายเจริญ ต่อศาลจังหวัดลำปาง เรื่องการแจ้งข้อความเท็จ โดยศาลชั้นต้นได้ตัดสินคดีของนายเจริญ ให้จำคุก 4 ปี 8 เดือน คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์และสั่งไม่ฟ้องนายน้อย ตนจึงได้ยื่นอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์ภาค 5 และในที่สุดศาลอุทธรณ์ มีคำสั่งเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2552 ให้ นายน้อย ให้จำคุกเป็นเวลา 7 ปี โดยไม่รอลงอาญา และตัดสิทธิทางการเมืองเป็นเวลา 20 ปี

"ศาลให้ความยุติธรรม รู้สึกภาคภูมิใจ และพอใจอย่างมาก และหวังว่าผลการตัดสินครั้งนี้จะทำให้ชาวบ้านได้รู้ว่าการใส่ร้ายป้ายสี หรือการให้ข้อมูลเท็จอาจทำให้ชาวบ้านได้รับเดือดร้อนตามมา และอย่าเห็นแก่เงินเล็ก ๆ น้อย ๆ หรือแม้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ก็ตาม แต่เมื่อแลกกับผลที่ออกมา ที่ต้องจำคุกถึง 7 ปี และถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองอีก 20 ปี มันไม่คุ้มกัน" นายไพฑูรย์ กล่าว กล่าว

ในส่วนอนาคตในการทำงานทางการเมือง เชื่อว่าจะมีการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น สำหรับตนคงจะลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายกเทศบาลเมืองเขลางค์นครอีกหรือไม่ ต้องปรึกษาทีมงานในกลุ่มพัฒนาเมืองเขลางค์ดูว่า ใครจะมีความเหมาะสม และประชาชนชอบที่จะสนับสนุนใคร คงต้องรออีกระยะหนึ่ง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook