โพลเผยพฤติกรรมพนักงาน รปภ.แอบหลับ-สูบบุหรี่

โพลเผยพฤติกรรมพนักงาน รปภ.แอบหลับ-สูบบุหรี่

โพลเผยพฤติกรรมพนักงาน รปภ.แอบหลับ-สูบบุหรี่
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เอแบคโพล สำรวจพบพฤติกรรมรปภ. 50.7%แอบหลับ 48.4%สูบบุหรี่เวลางาน 35.6% เลือกปฎิบัติดีเฉพาะคนให้เงิน,สิ่งของ

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลสำรวจ เรื่อง "ความคิดเห็นของประชาชนต่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย(รปภ.): กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล" ดำเนินการศึกษาระหว่างวันที่ 23-24 พฤศจิกายน 2552 จำนวนตัวอย่างรวมทั้งสิ้น 1,341 ตัวอย่าง ผลการสำรวจพบประเด็นสำคัญ ดังนี้

เบื้องต้น พบว่าตัวอย่างประมาณ 1 ใน 4 หรือร้อยละ 26.4 มีรปภ.ประจำที่พักอาศัย ซึ่งเฉพาะตัวอย่างที่มีรปภ. ประจำที่พักอาศัย เมื่อสอบถามความบ่อยที่พบเห็นพฤติกรรมที่ดีของรปภ. พบประเด็นที่นำมาศึกษา ส่วนใหญ่มีการประเมินไว้ในระดับปานกลาง เมื่อพิจารณาแนวโน้ม พบว่า พฤติกรรมที่อยู่ในระดับปานกลางค่อนมาทางบ่อย ได้แก่ คอยอำนวยความสะดวก เช่น เข็นรถ ช่วยโบกรถให้ ปฏิบัติงานด้วยความเข้มแข็ง และเข้มงวดกับการตรวจตรารถ หรือบุคคลเข้า-ออก

ขณะที่ พฤติกรรมที่อยู่ในระดับปานกลางค่อนมาทางไม่บ่อย ได้แก่ เดินตรวจตราความเรียบร้อยในตอนกลางคืน และมาถึงที่เกิดเหตุ หรือตามที่เรียกอย่างรวดเร็ว

อย่างไรก็ตาม เมื่อสอบถาม การพบเห็น/รับรู้ในพฤติกรรมที่ไม่สร้างสรรค์ของ รปภ. พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ แอบหลับในเวลาปฏิบัติงาน (ร้อยละ 50.7) สูบบุหรี่ในเวลาปฏิบัติงาน (ร้อยละ 48.4) และเลือกปฏิบัติ บริการดีเฉพาะกับคนที่ให้เงิน หรือสิ่งของ (ร้อยละ 35.6)

เมื่อสอบถามความมั่นใจในการบริหารจัดการระบบรักษาความปลอดภัยของหมู่บ้าน/ที่พักอาศัย ตัวอย่างส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.3 มีความมั่นใจปานกลาง รองลงมาร้อยละ 21.5 มั่นใจน้อย-น้อยที่สุด และร้อยละ 18.2 มั่นใจมาก-มากที่สุด สอดคล้องกับเมื่อสอบถามถึงความไว้วางใจในตัว รปภ. พบว่าส่วนใหญ่หรือร้อยละ 63.4 ไว้วางใจ ปานกลาง รองลงมาร้อยละ 19.2 ไว้วางใจน้อย-น้อยที่สุด และร้อยละ 17.4 ไว้วางใจมาก-มากที่สุด

สำหรับตัวอย่างโดยทั่วไป (ทั้งที่มีรปภ.ประจำที่พักอาศัยและไม่มี) เมื่อสอบถามถึง คุณสมบัติของ รปภ.ที่จำเป็นต้องมี พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ ความมีระเบียบวินัย (ร้อยละ 81.1) ความสุภาพเรียบร้อย (ร้อยละ 75.5) และความอดทน (ร้อยละ 75.0) ขณะที่ความรู้ด้านการดับเพลิง ความรู้ด้านการปฐมพยาบาล ทักษะทางช่าง อาทิ ช่างไฟ ประปา ช่างไม้ มีตัวอย่างไม่ถึงครึ่งที่เห็นว่า รปภ. จำเป็นต้องมีคุณสมบัติดังกล่าว

ตัวอย่างส่วนใหญ่ หรือร้อยละ 89.2 คิดว่า รปภ. เป็นอาชีพที่น่าเห็นใจ เพราะเสี่ยงภัยอันตราย ต้องมีความอดทน ไม่ได้หลับ ไม่ได้นอน งานหนักเงินเดือนน้อย รับผิดชอบมาก ขณะที่ร้อยละ 10.8 คิดว่าไม่น่าเห็นใจ เพราะพฤติกรรมไม่ค่อยดี แอบหลับ หนีเที่ยว ปฏิบัติหน้าที่แบบขอไปที

ประเด็นที่น่าสนใจ พบว่าตัวอย่างเห็นว่า รปภ. ที่ประจำตามหมู่บ้าน โครงการจัดสรร หรือสถานที่สำคัญต่างๆ มีส่วนช่วยเป็นหูเป็นตาในการป้องกันอาชญากรรมและยาเสพติด ให้กับชุมชน ได้ในระดับปานกลางค่อนมาทางมาก (ปานกลางร้อยละ 43.8 และมาก-มากที่สุดร้อยละ 37.5)

คณะผู้วิจัยให้ตัวอย่างระบุข้อเสนอแนะเพื่อพัฒนามาตรฐานการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย พบว่า 3 อันดับแรก ได้แก่ เอาใจใส่และปฏิบัติงานตามหน้าที่ของตนอย่างเคร่งครัด มีระเบียบวินัย (ร้อยละ 60.6) มีการฝึกอบรมทักษะ รปภ. ที่ได้มาตรฐานและเป็นประจำ (ร้อยละ 33.6) และการคัดเลือก รปภ. ที่คุณลักษณะเหมาะสมและมีใจรักในอาชีพ (ร้อยละ 18.6) ตามลำดับ

ผอ.เอแบคโพล กล่าวว่า อาชีพ รปภ. นั้นมีความสำคัญ การเฝ้าระวังของ รปภ. สร้างความรู้สึกปลอดภัยให้กับประชาชนในชุมชนได้ ซึ่งจากผลการศึกษาข้างต้น เห็นได้ว่า มีความจำเป็นที่จะต้องมีการยกระดับมาตรฐานของ รปภ. โดยเฉพาะเรื่องความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความมีระเบียบวินัย อีกทั้งควรส่งเสริมให้เกิดการประสานงาน ทำงานร่วมกันของ รปภ. กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในสายงานป้องกัน ปราบปราม และสืบสวน เพื่อลดทอนปัญหาอาชญากรรมและยาเสพติดให้กับชุมชน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook