โฆษกรัฐบาลฟาดกลับพรรคเพื่อไทย เก่งแต่ออกแถลงการณ์
โฆษกรัฐบาล สวนพรรคเพื่อไทยเก่งแต่ออกแถลงการณ์ ทำเมินไม่เห็นผลงานรัฐบาล ย้ำชัดนายกฯตั้งใจแก้ปัญหาบ้านเมือง ดูแลทุกข์สุขประชาชน เผยพร้อมทำงานตลอดช่วงเทศกาลปีใหม่นี้
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนรู้สึกผิดหวังกับการทำงานของพรรคเพื่อไทย ที่เก่งแต่แถลงข่าวและออกแถลงการณ์ โดยแกล้งทำเป็นเมินมองไม่เห็นผลงานของรัฐบาลที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ซึ่งต่างประเทศยกย่องจากทั้งด้านการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 เป็นอันดับ 5 ของโลก ที่มีความมั่นคงด้านสุขภาพ และอันดับ 1 ตลาดเกิดใหม่ที่น่าลงทุนที่สุด ในปี 2564 โดย Bloomberg Study รวมทั้ง การสำรวจด้านการเมืองภาพใหญ่ที่สุดแห่งปี 2564 ยังโหวตให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนักการเมืองฝ่ายรัฐบาลที่น่าประทับใจและน่าพอใจที่สุดแห่งปี 2564 ด้วย เป็นผลงานที่ประสบความสำเร็จมากมายนี้ต่างชาติมองเห็น ประชาชนจับต้องได้ เพียงแต่น่าเสียดายที่ข้อเท็จจริงนี้ คงไปไม่ถึงพรรคเพื่อไทย
นายธนกร กล่าวอีกว่า ความสำเร็จในการเฝ้าระวังและป้องกันโรค ล่าสุดมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอปกินส์ ของสหรัฐอเมริกา ได้ประกาศการจัดลำดับให้ไทยเป็นประเทศที่มีความเข้มแข็งด้านความมั่นคงด้านสุขภาพ (Global Health Security Index : GHS) เป็นอันดับ 5 ของโลก และเป็นอันดับที่ 1 ของเอเซีย ซึ่งถือเป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศเดียวที่ถูกจัดให้อยู่ 1 ใน 10 ของโลก ส่วนหนึ่งมาจาก ภาวะผู้นำของพล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 หรือโควิด-19 ที่กล้าคิด กล้าตัดสินใจ เน้นการทำงานกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง มีแนวทางการดำเนินงานได้อย่างชัดเจนและตรงประเด็น มีการติดตามประเมินผลเพื่อปรับมาตรการเข้มงวด ยืดหยุ่นให้สอดคล้องกับพัฒนาการของโรคระบาด ประกอบกับมาตรการด้านสาธารณสุขและบุคลากรสาธารณสุขไทยที่มีความเข้มแข็ง
ทำให้ไทยสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้ดี ผลงานด้านเศรษฐกิจของประเทศ Bloomberg Study ยังให้ไทยเป็นอันดับ 1 ตลาดเกิดใหม่ที่น่าลงทุนที่สุด ในปี 2564 ขณะที่ สำนักข่าว US News ให้ไทยเป็นอันดับ 1 ประเทศที่เหมาะกับการเริ่มต้นธุรกิจมากที่สุดประจำปี 2563 และอันดับ 2 ประเทศที่น่าเข้ามาลงทุนประจำปี 2563
ซึ่งสอดคล้องกับการจัดอันดับของสถาบันจัดอันดับเครดิตของโลกทั้ง Fitch Ratings (Fitch) และ S&P Global Ratings (S&P) คงอันดับความน่าเชื่อถือของไทยที่ BBB+ และยังคงมุมมองความน่าเชื่อถือของประเทศไทยอยู่ในระดับมีเสถียรภาพ
นายธนกร กล่าวเพิ่มเติมว่า ตนมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะเป็น‘จุดเริ่มต้น’ ของการกลับเข้าสู่ภาวะปกติหลังโควิด-19 จากนโยบายของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล ที่ขับเคลื่อนภาคผลิต การส่งออก ส่งเสริมการลงทุนภาครัฐ-เอกชน ภาคผลิต ภาคบริการและขนส่งที่จะได้ประโยชน์จากนักท่องเที่ยวและกำลังซื้อที่กลับมาจากมาตรการของรัฐ
โดยสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยขยายตัว 3.5-4.5% ซึ่งนายกรัฐมนตรีทำงานโดยไม่มีวันหยุด ในฐานะผอ.ศบค. หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ ในช่วงส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่นี้ นายกรัฐมนตรีขออยู่กรุงเทพมหานคร เพี่อติดตามภาพรวมประเทศไทยทั้งสถานการณ์โควิด-19 ในประเทศและทั่วโลก การเดินทางและการจับจ่ายใช้สอยของประชาชน เพื่อประเมินมาตรการป้องกันโรคและปรับแผนงานกระตุ้นเศรษฐกิจให้ตอบโจทย์พัฒนาการของสถานการณ์หลังปีใหม่ให้มากที่สุด