9 พรรคก้าวสู่ 65: "พลังธรรมใหม่" ขอสู้ต่อ "ขอเป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล"
9 พรรคก้าวสู่ 65: พลังธรรมใหม่ยืนยันสู้ต่อ เป็นฝ่ายค้านในรัฐบาล ปีหน้าพรรคเล็กมีแนวโน้มแยกทาง-ยุบพรรคอีก
ทีมข่าว Sanook.com สัมภาษณ์พิเศษ นายแพทย์ ระวี มาดฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เนื่องในโอกาสส่งท้ายปี 2564 และเข้าสู่ปี 2565 ประเมินผลงานตลอดปีที่ผ่านมาในฐานะพรรคเล็ก และแนวทางในปีหน้า ซึ่งหากประเมินการทำงานของพรรคเล็กในปี 2564 กลุ่มพรรคเล็กที่ยังร่วมกันอยู่ยังถือว่าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยกเว้น พรรคไทยศรีวิไลย์ ของ เต้ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ ที่ฉีกไปเป็นฝ่ายค้าน และพรรคประชานิยม กับ พรรคประชาธรรมไทย ที่ยุบพรรคไปร่วมพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งรายละเอียดการทำงานเป็นการประสานกันในแต่ละเรื่องตามแนวทางของพรรค เพราะไม่ใช่พรรคเดียวกัน
ปีหน้า การแก้ไขกฎหมายลูกเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. ที่ยังแก้ไขไม่แล้วเสร็จ การตัดสินใจของแต่ละพรรคจะแปรผันไปตามลักษณะของเนื้อหาในกฎหมายลูกว่าจะคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่ออย่างไร อาจมีบางพรรคยุบเพิ่มอีก บางพรรคก็จะสู้ต่อในแบบบัญชีรายชื่อ เช่น พรรคพลังธรรมใหม่, พรรคครูไทยเพื่อประชาชน, พรรคประชาธิปไตยใหม่, และพรรคพลังไทยรักไทย และพรรคไทรักธรรมก็อาจจะไม่เน้นส่งผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ แต่เน้นลงสมัคร ส.ส. เขตในจังหวัดสระบุรีแทน ไม่ได้สู้บัญชีรายชื่อเป็นหลัก ทั้งนี้ต้องดูเงื่อนไขในกฎหมายลูกที่จะแล้วเสร็จปีหน้า
1.ผลงานของพรรคในปี 2564
ส่วนผลงานของพรรคพลังธรรมใหม่ในปีที่ผ่านมา ต่อสู้กับปัญหาคอร์รัปชั่นหลายโครงการ อย่างที่เคยกล่าวไว้ว่า เราคือฝ่ายค้านในรัฐบาล เมื่อเห็นสิ่งที่ไม่ชอบมาพากล เราก็ต้องยับยั้งในฐานะที่เราคือตัวแทนของประชาชน อย่างกรณี เปิดโปงการประมูลโครงการรถไฟรางคู่สายเหนือและใต้อีสานมูลค่ามากกว่า 120,000 ล้านบาท ส่อให้เห็นว่าน่าจะมีการฮั้วประมูล ทำให้ประเทศเสียหายเป็นหมื่นล้านบาท จนนายกรัฐมนตรีชะลอการเซ็นสัญญา และแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบว่ามีการฮั้วประมูลหรือไม่ รวมไปถึงการต่อสู้ให้ระงับการประมูลดาวเทียมที่มีแนวโน้มเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทไทยคม ซึ่งขณะนี้ได้มีการยกเลิกการประมูลดาวเทียมทุกวงโคจรไปเรียบร้อยแล้ว
นอกจากนี้พรรคยังเสนอให้รัฐบาลต่อสู้หรือฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากการที่บริษัทไทยคมผิดสัญญาหลายประการ ส่งผลให้ประเทศสูญเสียรายได้เป็นหมื่นล้านบาท และพรรคยังได้ต่อสู้ในเรื่องค่าโง่โฮปเวลล์ นอกจากนี้ พรรคได้เข้าผลักดันนโยบายกัญชง,กัญชาและกระท่อมเสรี เพื่อให้เป็นพืชเศรษฐกิจของไทย รวมถึงการเสนอญัตติตั้งกรรมาธิการศึกษาเรื่อง CPTPP เครื่องมีข้อเสนอให้รัฐบาลรอบคอบในการจะเข้าร่วม และที่สำคัญคือ ตนได้เป็นประธานอนุกรรมาธิการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ ผลักดันให้รัฐบาลปรับนโยบายกำหนดให้อีก 15 ปีข้างหน้ายานยนต์จดทะเบียนใหม่ในประเทศ ต้องเป็นยานยนต์ zev ทุกคัน
2.สิ่งที่ยังไม่สำเร็จในปี 2564
ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำในกระทรวงสาธารณสุขเป็นเรื่องที่พรรคได้รับการร้องเรียนมากที่สุด ทั้งเรื่องตำแหน่งและเงินค่าจ้าง พรรคพลังธรรมใหม่ก็พยายามประสานกับรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขให้อย่างต่อเนื่อง จนสุดท้ายรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุขได้อนุมัติการบรรจุข้าราชการใหม่ 45,000 กว่าอัตราและจะอนุมัติเพิ่มอีก 20,000 กว่าอัตรา แต่อีกหลายปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข ทางพรรคคงต้องเดินหน้าผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำในกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับบุคลากรสาธารณสุขต่อไป
3.สิ่งที่จะทำให้ปี 2565
พรรคพลังธรรมใหม่มีแนวทางสำหรับปีหน้า 7 ข้อดังนี้ การแก้ไขการผูกขาดทางการค้าเช่นการควบรวมกิจการ True กับ dtac และโลตัสกับแม็คโครรวมถึงธุรกิจอื่นๆ, ลดความเหลื่อมล้ำทั้งระหว่างคนจนคนรวยและลดความเหลื่อมล้ำในกระทรวงสาธารณสุข, ป้องกันปัญหาค่าโง่ของประเทศที่เกิดขึ้น ซ้ำๆซากๆ เสนอแก้กฎหมายเกี่ยวกับอนุญาโตตุลาการ, ผลักดันการแก้ไขหนี้สินของข้าราชการพนักงานลูกจ้างองค์กรต่างๆ ผู้ใช้แรงงานและเกษตรกร, ผลักดันและแก้ไขราคาพืชผลทางการเกษตร ที่ทำให้เกษตรกรยากจนการสร้างงานสร้างรายได้ให้กับผู้ใช้แรงงาน, ผลักดันประเทศไทยเป็น Asian EV Hub เพื่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยเป็นศูนย์กลางของอาเซียน, และผลักดันการแก้ไขการทุจริตคอรัปชั่น
4.มองสถานการณ์การเมืองปี 2565
นพ.ระวี เห็นว่าการแก้ไขวิกฤตความขัดแย้งทางความคิดของคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า พรรคจะเป็นห่วงโซ่กลางที่จะเชื่อมช่องว่างระหว่างวัย ด้วยหลักคิดใหม่ๆ ของคนรุ่นใหม่แต่ไม่ละเลยประสบการณ์ของคนรุ่นเก่า, พร้อมทั้งทำความเข้าใจกับคนรุ่นใหม่ให้ทราบถึงคุณูปการของสถาบันกษัตริย์ไทยที่เป็นหลักของสังคมไทยมาโดยตลอด
นอกจากนี้ยังต้องป้องกันวิกฤติการเมือง ในอนาคตจากการที่จะเกิดเผด็จการรัฐสภาจากการแก้ไขรัฐธรรมนูญจากระบบการเลือกตั้งแบบบัตร 1 ใบเป็น 2 ใบที่ประเทศไทยเคยพบกับเผด็จการรัฐสภา มาถึง 2 ครั้งเกิดการทุจริตเชิงนโยบายอย่างรุนแรงโดยการผลักดัน ในการแก้ไขกฎหมายลูกประกอบรัฐธรรมนูญให้คงหลักการประกอบพึ่งมีและคะแนนไม่ตกน้ำโดยใช้ระบบ MMP ให้ใช้ 500 ไปหาร คะแนนรวมจากบัตรเลือกตั้งทั้ง 2 ใบ รวมไปถึงการผลักดันให้คนไทยไปเลือกตั้งในครั้งหน้าโดยไม่เลือกพรรคที่ซื้อเสียง เข้ามาเป็นรัฐมนตรีแล้วเอาเงินทอนจากงบประมาณของแผ่นดิน
5.สถานการณ์เศรษฐกิจปี 2565
หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ เสนอว่า การฟื้นเศรษฐกิจของประเทศ ต้องอุ้มธุรกิจ SME ของคนไทยทุกกิจการให้รอดจากพิษโควิดให้สามารถขับเคลื่อนต่อไปได้, หาแนวทางการสร้างรายได้สร้างอาชีพเพิ่มเติมแบบใหม่ๆ ให้กับประเทศ, และปรับระบบเศรษฐกิจไทยใหม่ที่ทยอยลดการพึ่งพาจากต่างประเทศในยุค New Normal หันมาทยอยพึ่งพารายได้หลักจากการขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจจากคนไทย 70 ล้านคนในประเทศแทน
ผู้เขียน : อรรถชัย หาดอ้าน