พัทยาเดือด แก๊งดูแลสถานบันเทิงขัดผลประโยชน์ เคลียร์ไม่ลงตัว แทงกันดับ 1 เจ็บอีก 2

เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 2 มกราคม 2565 พ.ต.ท.เกริกฤทธิ์ สายวรรณะ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุมีคนถูกของมีคมแทง ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดภายในแหล่งรวมสถานบันเทิงชื่อดัง ภายในซอยบัวขาว พัทยาใต้ ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรีหลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจเขต เจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างบริบูรณ์ธรรมสถานเมืองพัทยารีบไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บชื่อ นายนราวิช อายุ 54 ปี ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถูกของมีคมแทงเข้าลิ้นปี่ มีเลือดไหลออกมาจำนวนมาก เจ้าหน้าที่กู้ภัยฯ ปั้มหัวใจเพื่อยื้อชีวิต ก่อนเคลื่อนย้ายส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน แต่ผู้บาดเจ็บทนพิษบาดแผลไม่ไหว จึงเสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้บาดเจ็บอีกสองรายได้พากันหลบหนี ไปขอความช่วยเหลือส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านี้แล้ว

สอบถามจากผู้เห็นเหตุการณ์ ทราบว่า ขณะที่ตนกำลังตรวจหาผู้ติดเชื้อโควิด-19 อยู่ด้านหน้าสถานบันเทิงพัทยาบีชนั้น พบเห็นกลุ่มชายฉกรรจ์ ไล่ตีกันมา 7-8 คน ท่ามกลางนักท่องเที่ยวจำนวนมาก แต่ผู้บาดเจ็บวิ่งหนีตาย กระทั่งพลาดท่าล้ม ทำให้กลุ่มคู่อริไล่ตามมาเตะเข้าที่ใบหน้า กระทืบซ้ำ แล้วใช้ของมีคมแทงปักเข้าที่หน้าอก จนนอนแน่นิ่งไป หลังเกิดเหตุก็พากันวิ่งหลบหนีหายไปอย่างรวดเร็ว    

ต่อมาได้รับการเปิดเผยจากผู้ประกอบการสถานบันเทิงว่า ทั้งสองกลุ่มนั้นเป็นกลุ่มผู้ดูแลตลาด แหล่งรวมสถานบันเทิง บาร์เบียร์ ร้านเหล้ากว่าร้อยร้านค้า ทั้งสองกลุ่มได้นัดเคลียร์ปัญหากัน ตนเองได้ไล่ไป ห้ามมีเรื่องบริเวณนี้ และบอกให้ค่อยพูดค่อยจากัน แต่ทั้งสองกลุ่มกลับไล่ทำร้ายกัน คว้ามีดมาแทงกันที่หน้าร้าน ภายหลังได้แจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบดังกล่าว

เบื้องต้น พ.ต.ท.เกริกฤทธิ์ สายวรรณะ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองพัทยา พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ลงพื้นที่ตรวจสอบ พยานแวดล้อม กล้องวงจรปิดบริเวณที่เกิดเหตุ และตลอดเส้นทางการเกิดเหตุและหลบหนี เพื่อติดตามกลุ่มคนผู้ก่อเหตุทั้งหมดมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

อย่างไรก็ตามข่าวยังรายงานอีกว่า ก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุเพียงไม่ถึง 20 นาที เจ้าหน้าที่ ฝ่ายปกครองอำบางละมุง เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่สาธารณสุข ลงตรวจมาตรการก่อนเข้าบริการของสถานบริการ บริเวณที่เกิดเหตุ แต่เมื่อเจ้าหน้าที่คล้อยหลังไป กลับเกิดเหตุสะเทือนขวัญกับนักท่องเที่ยว ถือเป็นการทำลายภาพลักษณ์ เมืองท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก