มหันตภัยรอบมหาวิทยาลัย ชิงทรัพย์ ข่มขืน
ข่าว 6 เยาวชนในสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและครอบครัว จ.ขอนแก่น ปีนรั้วออกมาทำร้ายร่างกายและข่มขืนนักศึกษาหญิงชั้นปีที่ 1 วัย 19 ปี ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับหอพักในมหาวิทยาลัยขอนแก่น สร้างความเศร้าสะเทือนใจและหวาดหวั่นพอๆ กัน ในมาตรการรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินผู้คนรอบๆ มหาวิทยาลัยชื่อดัง !?!
ทว่า สถานพินิจฯ แห่งนี้ไม่ใช่จุดเสี่ยงเพียงแห่งเดียวที่ตั้งอยู่ใกล้สถาบันอุดมศึกษานี้ ยังมีสิ่งล่อแหลมและสุ่มเสี่ยงต่อการเกิดคดีอาชญากรรมอีกมากมายรายล้อมอยู่ รอบรั้วสถานศึกษา นั่นคือ สถานบันเทิงรอบๆ ณ บ้านโนนม่วง ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ศูนย์รวมนักท่องราตรีและบรรดานักศึกษาปัญญาชนกำลังสำคัญของชาติในอนาคต เมื่อประกอบกับเส้นทางหลายสายในหมู่บ้านนี้ค่อนข้างเปลี่ยว ปราศจากไฟส่องสว่าง อาจนำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม ทั้งลัก วิ่ง ชิงปล้น และข่มขืนกระทำชำเรา ในเวลาต่อมา
"วรรัตน์ รุ่งสว่าง" ชาวบ้านโนนม่วง ในวัย 49 ปี เขาอยู่รับรู้เห็นเหตุการณ์ร้ายๆ มามากพอจะตัดสินได้ว่าสภาพแวดล้อมรอบมหาวิทยาลัยขอนแก่นนั้น มีความเสี่ยงต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งของนักศึกษาและชาวบ้านมาก
เสี่ยงอย่างไรลองมาดูกัน...ทิศเหนือของมหาวิทยาลัยเต็มไปด้วย แหล่งอบายมุขและสถานบันเทิง กลายเป็นแหล่งมั่วสุมของนักศึกษา ตั้งแต่ 6 โมงเย็นเป็นต้นไปสถานบันเทิงรอบๆ รั้วมหาวิทยาลัยเหล่านี้จะเปิดเพลงเสียงดังแข่งขันประชันเรียกลูกค้า ตั้งแต่บรรดาวัยรุ่นในหมู่บ้านและต่างถิ่น นักเรียนขาสั้นไปยันนักศึกษาสาวแต่งตัววาบหวิว ชวนกันมาดื่มเที่ยวไปจนถึงเที่ยงคืน เมื่อได้เวลาร้านรวงปิดผีเสื้อและเหยี่ยวราตรีเหล่านี้ก็เลิกราแยกย้ายกัน กลับ บ้างไปดื่มกินต่อที่หอพัก โดยไม่มีมาตรการควบคุมที่เป็นรูปธรรมและเคร่งครัด
ในขากลับนี่เองที่หลายฝ่ายแสดงความกังวลปนเป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุร้าย ขึ้น เนื่องจากถนนบางสายเปลี่ยวร้างปลอดผู้คน โดยเฉพาะถนนหน้าวัดป่าโนนม่วงหลังหอพัก 9 หลังเป็นเส้นทางเปลี่ยว สองข้างทางเป็นป่าหญ้า อีกทั้งปราศจากไฟฟ้าส่องสว่าง จุดนี้เองที่เกิดคดีอาชญากรรมขึ้นบ่อยครั้ง
"นักศึกษาบางรายถูกชิงทรัพย์ บ้างถูกข่มขืน เกิดความสูญเสีย เมื่อมีเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อมหาวิทยาลัย ข่าวมักจะถูกปกปิด เพื่อไม่ให้เสื่อมเสียชื่อเสียง" วรรัตน์ ให้ความเห็น
นอกจากสถานบันเทิงแล้วอีกสิ่งที่เกิดขึ้นควบคู่กันนั่นคือ "หอพัก" ที่ผุดขึ้นเหมือนดอกเห็ดมารองรับความต้องการของบรรดานักศึกษาที่ต้องการ อิสระ ไม่ต้องถูกควบคุมอย่างเข้มงวดเหมือนกับหอพักของมหาวิทยาลัย ชาวบ้านหลายคนตั้งข้อสงสัยว่า สิ่งปลูกสร้างเหล่านี้ อบต.ศิลา ได้พิจารณาอนุมัติก่อสร้างอย่างถูกต้องตามกฎระเบียบหรือไม่
จากทิศเหนือมาถึงทิศตะวันตกของมหาวิทยาลัย เป็นสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน จ.ขอนแก่น แม้จะเป็นหน่วยงานรัฐ แต่ที่ผ่านมาชาวบ้านรอบกำแพงต่างรู้ดีว่า เด็กและเยาวชนที่นี่หลบหนีออกมาซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และบุหรี่เป็นประจำ
"บางรายปีนรั้วออกมาก่อเหตุชิงทรัพย์ ทำร้ายร่างกาย แล้วปีนรั้วกลับเข้าไปใหม่" ชาวบ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน พร้อมกับยืนยันว่าเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นเป็นประจำ กระทั่งมาเกิดเหตุข่มขืนนักศึกษาขึ้น
ชาวบ้านตั้งความหวังไว้ว่าในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐ น่าจะมีมาตรการป้องกันหรือควบคุมที่เข้มงวดมากกว่านี้ อย่างไรก็ตาม หลังเกิดเหตุเศร้าสลดผู้นำชุมชนได้ทำหนังสือถึงผู้อำนวยการสถานพินิจฯ ให้หามาตรการป้องกันเด็กในสถานพินิจฯ หลบหนีออกมาก่อเหตุอีก ขณะเดียวกันก็ประสานไปยังมหาวิทยาลัยและหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งเข้ามาแก้ไขปัญหา อย่าปล่อยปละละเลยให้นักศึกษาและชาวบ้านเผชิญหน้ากับภัยเหล่านี้ตามลำพัง
ด้านมหาวิทยาลัยขอนแก่น "ผศ.วิชัย ณีรัตนพันธุ์" รองอธิการบดี ได้สั่งการเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะตามเส้นทางที่เป็นจุดเสี่ยง โดยจัดสายตรวจของมหาวิทยาลัยออกตรวจตราพร้อมกับตำรวจ สภ.ย่อยมหาวิทยาลัยขอนแก่น เพิ่มความถี่ในการขี่รถจักรยานยนต์ออกตรวจตรา และติดตั้งตู้แดงตามจุดเสี่ยง ตลอดจนประสานไปยัง อบต.ศิลา ให้ติดตั้งไฟฟ้าให้แสงสว่างเพิ่มตามจุดเสี่ยงต่างๆ
"มหาวิทยาลัยไม่ได้นิ่งนอนใจกับปัญหาที่เกิดขึ้น สำหรับสถานบันเทิงรอบๆ มหาวิทยาลัยก็ต้องให้ตำรวจเข้าไปควบคุมดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดอาชญากรรม หรือเป็นแหล่งมั่วสุมของวัยรุ่นและนักเรียนนักศึกษา" ผศ.วิชัย กล่าว