"ป้าวรรณี" หาหมอแล้วยันสติดี โจรขึ้นบ้านถี่เพราะอิทธิพลกลั่นแกล้ง ปมตัดถนนผ่านที่ดิน

"ป้าวรรณี" หาหมอแล้วยันสติดี โจรขึ้นบ้านถี่เพราะอิทธิพลกลั่นแกล้ง ปมตัดถนนผ่านที่ดิน

"ป้าวรรณี" หาหมอแล้วยันสติดี โจรขึ้นบ้านถี่เพราะอิทธิพลกลั่นแกล้ง ปมตัดถนนผ่านที่ดิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

"ป้าวรรณี" หาหมอแล้วยันสติดี เผยถูกรังควานหลายสิบปี โจรขึ้นบ้านถี่เพราะผู้มีอิทธิพลกลั่นแกล้ง ปมตัดถนนผ่านที่ดิน ตำรวจหาว่าระแวงไปเอง 

(5 ม.ค.65) เวลา 17.30 น. ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก น.ส.วรรณี อายุ 69 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 5 ต.แปลงยาว อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ที่โทรศัพท์ไปร้องทุกข์ออกอากาศในรายการ “NBT รวมใจสู้ภัยโควิด-19” ทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง NBT ในช่วงรับเรื่องร้องทุกข์ เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 3 ม.ค.65 โดยระบุว่าที่บ้านของตนได้มีโจรบุกเข้ามาลักทรัพย์อย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลานานถึงกว่า 20 ปีแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่สามารถหาตัวคนร้ายที่บุกเข้ามาก่อเหตุได้

ต่อมาเมื่อเวลา 13.00 น. วันเดียวกัน พ.ต.อ.สมชาย ทิวงษา ผกก.สภ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย พ.ต.ท.สุรเดช นาคหมวก สว.สส.สภ.แปลงยาว ได้นำกำลังชุดสืบสวนเดินทางลงพื้นที่ไปตรวจสอบยังที่บ้านหลังดังกล่าว กลับไม่พบร่องรอยของคนร้ายที่เพิ่งเข้ามาก่อเหตุปีนเสาไฟฟ้า และขึ้นไปบนหลังคาบ้านตามที่ถูกนำมากล่าวอ้างในราย ว่าเหตุการณ์ล่าสุดนั้นเพิ่งเกิดขึ้นมาเพียง 3 วันก่อนหน้า ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

น.ส.วรรณี ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวว่า ได้ถูกคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์สินภายในบ้านนับตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ.2539 ถึง 2540 ทั้งเงินสดที่ขายของได้จำนวนกว่า 3 หมื่นบาท และเงินโบราณซึ่งเป็นเงินเหรียญสตางค์แดงหรือเงินรู น้ำหนักรวมหลายกิโลกรัม รวมถึงทรัพย์สินที่เคยวางจำหน่ายขายอยู่ภายในร้าน เนื่องจากครอบครัวมีอาชีพค้าขายอยู่ภายในบริเวณตลาดบางบ่อ อ.แปลงยาว จ.ฉะเชิงเทรา

โดย น.ส.วรรณี ได้นำพาผู้สื่อข่าวเดินชี้ร่องรอยสิ่งของที่เคยวางไว้แล้วหายไป รวมถึงร่องรอยที่อ้างว่าถูกคนร้ายเข้ามากระทำการกลั่นแกล้งต่างๆ นาๆ หลายสิบครั้งไปจนทั่วทั้งบริเวณบ้าน พร้อมระบุว่าที่ผ่านมาได้เคยเข้าแจ้งความร้องทุกข์ยังที่ สภ.แปลงยาว ไว้แล้วจนนับครั้งไม่ถ้วน (โดยเธอสามารถระบุชื่อนามสกุลของนายตำรวจ ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวนเมื่อครั้งในสมัยอดีตได้อย่างถูกต้อง) แต่ไม่มีความคืบหน้าทางคดี

เนื่องจากเป็นเพียงการลงบันทึกประจำวันเอาไว้เป็นหลักฐานเท่านั้น โดยในขณะนั้นตนเองไม่ทราบว่าจะต้องแจ้งความร้องทุกข์เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด คดีที่เคยเข้าแจ้งความร้องทุกข์เอาไว้ จึงไม่เคยมีความคืบหน้าใดๆ เลย แม้แต่คดีเดียว แต่ทางเจ้าหน้าที่กลับมาเก็บรวมรวมพยานหลักฐาน หรือนำวัตถุพยานของกลางที่เกี่ยวข้องเอาไปเก็บไว้จนเก่าและขายไม่ได้แล้วจึงได้นำมาคืน

โดยตนขายของอยู่กับร้านค้า ซึ่งใช้เป็นบ้านพักอาศัยด้วยแต่เพียงลำพังคนเดียว เมื่อเผลอหรือไม่อยู่ร้านก็มักจะมีคนมาหยิบฉวยเอาสิ่งของจากภายในร้านไป จนต้องเลิกขายมาถึงปัจจุบันนี้ เนื่องจากเมื่อขายได้เงินมาก็ต้องถูกโจรเข้ามาขโมยไปจนหมดเรื่อยมา จึงคิดว่าไม่อยากขายหรือทำงานให้ใครกินแล้ว นอกจากนี้ตนเองยังถูกกลั่นแกล้งจากกลุ่มคนของนักการเมืองท้องถิ่นในพื้นที่แถบนี้อีกด้วย

เนื่องจากนักการเมืองรายดังกล่าวต้องการที่จะตัดถนนผ่านแปลงที่ดินของตน เพื่อเข้าแปลงที่ดินของเขาที่อยู่ติดกัน ซึ่งเป็นที่ดินมีโฉนด แต่ตนเองไม่ยินยอม เพราะจะต้องเสียเนื้อที่ดินไปจำนวนมากถึง 1 งาน จากนั้นตนจึงเชื่อว่านักการเมืองกลุ่มนี้ได้ส่งคนเข้ามากลั่นแกล้งรื้อทำลายข้าวของภายในบ้านของตนเองมาโดยตลอดในขณะที่ตนไม่อยู่บ้าน แต่ไม่พบเห็นตัวว่าเป็นใครที่เข้ามาก่อเหตุ

เมื่อผู้สื่อข่าวถามตรงๆ ว่า คิดอย่างไรที่บุคคลภายนอกและรอบข้าง รวมถึงทางเจ้าหน้าที่ได้ระบุว่าตนเองนั้นเป็นคนป่วยด้วยโรคหวาดระแวง หรือไม่ปกตินั้น น.ส.วรรณี ตอบว่า “หากเขาพูดผิดขอให้พูดใหม่นะ จะคิดมากอย่างไร ฉันเป็นคนมีเหตุผลนะ” และพูดต่อว่า เมื่อจะเรียกใช้คนหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มาดูแลก็ยังรู้สึกเกรงใจเขาเลย

 เพราะรู้ว่าเขาก็อึดอัดที่เป็นเพียงชั้นผู้น้อย เขาก็กลัวและรักชีวิตเขาเหมือนกัน และบางคนยังมาจากแปลกถิ่นด้วย จึงรู้สึกสงสารเขาเหมือนกันที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวกับนักการเมืองในพื้นที่ ผู้สื่อข่าวยังได้ถามย้ำอีกครั้งว่า ป้ายืนยันว่าตนเองปกติดีอยู่ น.ส.วรรณี ตอบว่า ก็เพราะเรื่องนี้แหละที่ต้องไปให้แพทย์ รพ.ในพื้นที่ตรวจมาถึง 3 ครั้งแล้ว และยังไปตรวจยังที่ รพ.ใน จ.ชลบุรี พร้อมกับน้องสาวทั้ง 3 คนด้วย แพทย์ก็ยังยืนยันว่าเป็นผู้ที่มีสติดี

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ "ป้าวรรณี" หาหมอแล้วยันสติดี โจรขึ้นบ้านถี่เพราะอิทธิพลกลั่นแกล้ง ปมตัดถนนผ่านที่ดิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook