ข้าวถุงจ่อขึ้น10%ตามตลาดโลกยันข้าวไม่ขาดแคลน

ข้าวถุงจ่อขึ้น10%ตามตลาดโลกยันข้าวไม่ขาดแคลน

ข้าวถุงจ่อขึ้น10%ตามตลาดโลกยันข้าวไม่ขาดแคลน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ข้าวถุงเตรียมขยับราคา 10% ผู้ประกอบการแจงขึ้นตามราคาตลาดโลก ขณะเดียวกันหลังรัฐบาลใช้นโยบายประกันราคา ทำให้เกษตรกรเก็บสต็อกข้าวก่อนขายในราคาที่สูงขึ้น ด้านสมาคมข้าวถุงยันตลาดข้าวในประเทศไม่ขาดแคลน

นายสมฤกษ์ ตั้งพิรุฬห์ธรรม นายกสมาคมข้าวถุง กล่าวว่า ภาพรวมราคาข้าวในขณะนี้ไม่ปกติ เพราะราคาสูงในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด แต่ปรับตัวในทิศทางที่ดี ตามนโยบายประกันราคาข้าวที่รัฐบาลวางไว้ ช่วยให้ตลาดปรับตัว เกษตรกรรับรู้ความเคลื่อนไหวของราคา และมั่นใจพอที่จะเก็บข้าวเป็นสต็อกไว้ในยุ้งฉาง เพื่อรอขายในราคาสูงตามต้องการได้ หรือสูงกว่าราคารับประกันของรัฐบาล ทำให้เกิดภาวะการหาซื้อข้าวไม่ได้ โดยเฉพาะข้าวหอมมะลิ 100% ที่ผู้ส่งออกต้องการหาซื้อ เพื่อส่งออกตามออเดอร์ที่รับเข้ามาล่วงหน้า

"ขณะนี้เข้าใจว่ามีผู้ส่งออกบางรายรับออเดอร์ล่วงหน้า ไว้ราคาต่ำอยู่ที่ 800 ดอลลาร์ต่อตัน ยังไม่ได้ส่งมอบ แต่ปัจจุบันราคาซื้อขายตลาดโลกปรับขึ้นไป 1,000 ดอลลาร์ต่อตันแล้ว ความพยายามหาข้าวราคาต่ำให้คุ้มออเดอร์ล่วงหน้าที่รับไว้ต่ำ จึงหาซื้อสินค้าไม่ได้ จึงร้องว่าข้าวหอมมะลิขาดตลาด ซึ่งในความจริงไม่ได้ขาดตลาด เพราะเป็นช่วงต้นฤดูเก็บเกี่ยว" นายสมฤกษ์ กล่าว

นายสมฤกษ์ กล่าวอีกว่า การประชุมสมาคมข้าว เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการข้าวถุงทุกคนยืนยันตลาดขายปลีกข้าวในประเทศ ยังปกติไม่มีปัญหาขาดแคลน การกักตุนสินค้า หรือปรับราคาสูงเกินจริง เพราะกำลังซื้อในประเทศยังไม่เปลี่ยนแปลง และไม่มีภาวะตลาดช็อก เพราะกลัวราคาพุ่ง ด้านห้างค้าปลีกคงเดินหน้าจัดแคมเปญส่งเสริมการขายต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ ในช่วงเศรษฐกิจไม่ดีนัก

"ข้าวที่ออกขายในตลาดขณะนี้ มีช่วงราคาขายกว้างมาก ข้าวหอมมะลิเก่าถุงขนาด 5 กิโลกรัม ราคาเริ่มต้น 160-210 บาทต่อถุง เป็นช่วงราคาค่อนข้างห่าง และส่วนใหญ่ยังขายต่ำกว่าราคาหน้าถุง ส่วนข้าว "ตราเกษตร" ในอนาคต อาจปรับราคาหากต้นทุนข้าวราคาสูงขึ้น"

นายบุรินทร์ ธนถาวรลาภ กรรมการผู้จัดการบริษัท ข้าวแสนดี จำกัด กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังไม่ได้ขึ้นราคาขายปลีกข้าวถุง แต่เดือนธันวาคมนี้ อาจต้องขึ้นราคา 10% ซึ่งต่ำกว่าราคาหน้าถุง และเชื่อว่าจะไม่สูงเกินราคาที่กำหนดไว้ เพราะความต้องการบริโภคในประเทศไม่ได้เพิ่มขึ้น

สาเหตุที่ต้องปรับขึ้นก็เพื่อให้ครอบคลุมต้นทุนที่เปลี่ยนไปตามภาวะราคาข้าวที่สูงขึ้นตามตลาดโลก และโครงสร้างตลาดในปัจจุบัน ที่พบชาวนาเก็บสต็อกเพื่อรอขายในราคาสูงกว่าราคาประกันของรัฐ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้ราคาข้าวไม่ตกต่ำ และจะขึ้นต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook