สุดยอดทักษะหลบหนี ตามจับหนุ่มขโมยทอง รูดท่อน้ำจากชั้น 3 ซ่อนตัวบนฝ้าเพดาน
ตามจับวุ่นหนุ่มขโมยทอง สุดยอดทักษะหลบหนี รูดท่อน้ำจากชั้น 3 ซ่อนตัวบนฝ้าเพดาน แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอด
(8 ม.ค.65) เวลา 16.30 น. ศูนย์วิทยุรับแจ้งเหตุ สภ.หนองไผ่ ได้รับแจ้งว่ามีคนร้าย ก่อเหตุลักทรัพย์ แล้วหลบหนีข้ามอำเภอมา จากนั้นจึงประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ พร้อมทั้งอาสาร่วมกตัญญู หนองไผ่ และชาวบ้าน ช่วยกันออกติดตาม หลังจากทราบว่า คนร้ายได้วิ่งหลบหนี ไปทางอาคารพาณิชย์ 3 ชั้น ย่านหลังตลาดเทศบาล3 ตำบลหนองไผ่ อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ จึงได้ติดตามไป ก่อนพบชายผู้ก่อเหตุ มีอาวุธติดตัวเป็นมีดปลายแหลม ได้หลบหนีขึ้นไปอยู่บนดาดฟ้า ชั้น 3 ของอาคาร และ อยู่ในอาการคล้ายกับคนกำลังหนีตาย
ต่อมาทราบชื่อคือ นายวสัณต์ อายุ 38 ปี ซึ่งก่อเหตุขโมยสร้อยคอทองคำ น้ำหนัก 3 บาท และเงินสดจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นของ นางประทิพย์ อายุ 50 ปี ซึ่งมีอาชีพขายพวงมาลัยอยู่บริเวณ 4 แยกไฟแดงราหุล อำเภอบึงสามพัน โดยเหตุเกิดที่บ้านเลขที่ 152/1 ต. บึงสามพัน อำเภอบึงสามพัน จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งช่วงเกิดเหตุ นางประทิพย์ ผู้เสียหาย ไปออกไปทำงานขายพวงมาลัยตั้งแต่เช้า ปล่อยให้นายวสัณต์ ราชมนตรี อายุ 38 ปี ซึ่งเป็นคนรู้จักกัน และเพิ่งเดินทางมาหาเมื่อตอนตีห้า ได้อาศัยอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง และปิดล็อกห้องเอาไว้ ซึ่งภายหลัง นายวสัณต์ ได้ก่อเหตุงัดบ้าน เข้าไปขโมยสร้อยคอทองคำ 3 บาท และเงินสดจำนวนหนึ่ง ของนางประทิพย์ ผู้เสียหาย
จากนั้น ได้วางแผนหลอกให้ นายก้องกฤติ อายุ 23 ปี ลูกชายของนางประทิพย์ ผู้เสียหาย ขับรถจักรยานยนต์มาส่ง ที่อำเภอหนองไผ่ โดยผ่านสี่แยกไฟแดงราหุล และทางผู้เสียหายเห็นเข้าพอดี ว่าลูกชายขับรถไปส่งนายวสัณต์ แต่ก็เกิดเอะใจ เนื่องจากเมื่อเช้านายวสัณต์ บอกว่าจะไปทำงาน กทม. แต่ทำไมถึงเปลี่ยนเส้นทางไปฝั่งอำเภอหนองไผ่ จึงรีบกลับไปที่บ้านพบประตูห้องถูกงัด สร้อยคอทองคำและกระเป๋าเป้ใส่เงินสดหายไป จึงพากันขับรถติดตามมาที่อำเภอหนองไผ่ และโทรศัพท์บอกลูกชาย และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยบอกรูปพรรณสัณฐานของคนร้าย
กระทั่งมีชาวบ้านแจ้งว่า พบตัวนายวสัณต์ ผู้ก่อเหตุได้วิ่งหลบหนีเข้าไปในอาคารพาณิชย์ และขึ้นไปบนดาดฟ้าชั้น 3 เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ ผู้ก่อเหตุกลับทำการรูดตัวลงมาจากชั้น 3 ทางท่อน้ำ ก่อนจะวิ่งหลบหนีเข้าไปในห้องแถว หลังตลาดเทศบาล 3 หมู่11 ต. หนองไผ่ อำเภอหนองไผ่ แล้วปีนขึ้นไปหลบหนีซ่อนตัวอยู่บนฝ้าเพดาน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ชาวบ้าน และ อาสากู้ภัย ร่วมกตัญญู หนองไผ่ ก็ได้ร่วมกันตามจับตัวนายวสัณต์ อย่างไม่ลดละ สุดท้ายสามารถจับตัวนายวสัณต์ หนุ่มก่อเหตุลักทรัพย์ได้ โดยหลบซ่อนตัวที่บนฝ้าเพดานแบบแขวน ในห้องเช่า จากนั้นจึงควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.หนองไผ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย และจะได้ประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บึงสามพัน มารับตัวกลับไปดำเนินคดี ในท้องที่เกิดเหตุต่อไป
จากการตรวจสอบประวัติ นายวสัณต์ พบว่า เคยถูกจับกุมตัวดำเนินคดีในข้อหา ลักทรัพย์ และคดีฆ่าผู้อื่น โดยพึ่งพ้นโทษออกมาได้เพียงปีกว่า ก็มาก่อเหตุลักทรัพย์ ขึ้นอีกครั้ง
จากการสอบถาม นางประทิพย์ อายุ 50 ปี ผู้เสียหาย เล่าว่า คนก่อเหตุเป็นหลานของแฟนเก่า คราวนี้เลยไว้ใจให้เข้าไปในบ้าน ไปกินข้าว แต่เขามาก่อเหตุงัดห้องเข้าไปขโมยของ เพราะตนเองไปทำงาน แล้วผู้ก่อเหตุก็ได้หลอกให้ลูกชายของตนขับรถไปส่งที่อำเภอหนองไผ่ จาก 4 แยกราหุลมาถึง หนองไผ่ (ประมาณ 20 กิโลเมตร) แล้วตนเองเอะใจก็กลับไปบ้านพบว่าประตูบ้านถูกงัดเปิดหมดเลย ส่วนทรัพย์สินที่หายไปมีกระเป๋า และสร้อยคอทองคำหนัก 3 บาท
ด้าน นายก้องกฤติ อายุ 23 ปี ลูกชายผู้เสียหาย เล่าว่า ประมาณช่วงบ่าย 3.15 น. ผู้ก่อเหตุ หลอกให้ตนเองขับรถจักรยานยนต์มาส่งที่อำเภอหนองไผ่ ซึ่งตนก็ขับรถจักรยานยนต์ ข้ามอำเภอ เพื่อมาส่ง โดยผู้ก่อเหตุอ้างว่าจะรีบไปกรุงเทพ และเพื่อนก็รออยู่ เดี๋ยวรถจะหมด ตอนแรกตนไม่รู้ว่าผู้ก่อเหตุขโมยกระเป๋าแม่ไปแล้ว เพราะปิดผ้าม่าน แต่ก่อนจะออกจากบ้านตนเองสังเกตเหตุว่านายวสัณต์ถือมีด ซึ่งตอนนั้นตนยังนึกว่าถือมีดทำไม แต่ตนมองว่าเป็นญาติเลยไม่ได้คิดอะไร
ขณะที่ นายคมสัน คงผล อายุ 33 ปี เป็นอาสาสมัครร่วมกตัญญู จุดหนองไผ่ กู้ภัยที่ช่วยจับ เล่าว่า ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก่อเหตุลักทรัพย์ หลบหนีมาจากราหุล ต่อมาเจ้าของร้านบูมบูม แจ้งว่าเห็นคนร้ายหลบหนีอยู่บนดาดฟ้า ตนซึ่งมาพร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เห็นคนร้ายหลบหนีอยู่บนดาดฟ้า หลังแทงก์ สวมเสื้อขาว กางเกงดำ ตามที่ตำรวจแจ้ง จากนั้นคนร้ายก็ได้รูดเสาหลบหนี โดยรูดลงมาทีละชั้น จากชั้น 3 มาถึงพื้น พอลงมาเขาหลบหนีไปในห้องเช่า หลบหนีอยู่บนฝ้า โดยเกาะอยู่เหมือนกับตุ๊กแก โดยคนร้ายมีท่าทีจะหลบหนีต่อไปอีก
ทางด้าน นายวสัณต์ อายุ 38 ปี หรือ แมว ผู้ก่อเหตุ ให้การรับสารภาพว่า ตนเองก่อเหตุ ช่วงบ่าย 3 ทำการงัดบ้านเข้าไป ได้ทรัพย์สินเป็นทองและกระเป๋าเงิน ส่วนตัวรู้จักกับผู้เสียหาย ในส่วนเหตุจูงใจ ทำเพื่อเอาเงินไปช่วยครอบครัวที่กรุงเทพ ซึ่งตกงานอยู่ ปกติทำงานมุงหลังคา ซึ่งเมื่อก่อนเคยไปบ้านหลังนี้ประจำ แต่พักหลังไม่ได้ไปบ่อย ซึ่งตอนที่งัดไปไม่รู้หรอกว่าบ้านหลังนี้มีทรัพย์สินอะไร เมื่อค้นหาจึงเจอสร้อยทองและเงิน