ผู้เสียหายแก๊งคอลเซนเตอร์ ขอ ผบ.ตร.ปรับรูปแบบทำงาน เพื่อความรวดเร็ว

ผู้เสียหายแก๊งคอลเซนเตอร์ ขอ ผบ.ตร.ปรับรูปแบบทำงาน เพื่อความรวดเร็ว

ผู้เสียหายแก๊งคอลเซนเตอร์ ขอ ผบ.ตร.ปรับรูปแบบทำงาน เพื่อความรวดเร็ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ตัวแทนผู้เสียหายถูกแก๊งคอลเซนเตอร์หลอกโอนเงินรวมกว่า 30 ล้านบาท เข้ายื่นจดหมายถึง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปรับวิธีทำงานให้เป็นแบบบูรณาการ หรือจัดตั้งคณะทำงานพิเศษ เพื่อสอบสวนคดีที่กลุ่มประชาชนถูกหลอกลวงจากแก๊งคอลเซนเตอร์

ทั้งนี้หนึ่งในผู้เสียหาย เปิดเผยว่า มีขบวนการแก๊งมิจฉาชีพที่แอบอ้างเป็นบริษัทขนส่งพัสดุโทรเข้ามาบอกว่า ตนส่งของผิกกฎหมาย รวมถึงแอบอ้างเป็นตำรวจ และ ปปง.

พูดคุยด้วยวิธีต่างๆ เช่น

  • สอบถามว่าลืมบัตรประชาชนไว้ที่ไหนหรือไม่ จึงมีชื่อไปพัวพัน
  • อ้างมีข้อมูลว่าเราจะได้ 10% จากยอด จึงต้องทำการตรวจสอบบัญชีที่เป็นบัญชีปลอม
  • ให้บอกข้อมูลบัญชีทั้งหมดที่มี ถ้าข้อมูลไม่ตรงจะทำการอายัดบัญชี

และการพูดคุยใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 3 ชม. กับมิจฉาชีพคนแรก ใช้ทั้งการถ่วงเวลา จิตวิทยาทำให้หลงเชื่อ ว่าอยากช่วยจริงๆ และบอกจะให้หลุดจากการเป็นผู้ต้องหา จนหลงเชื่อโอนเงินในบัญชีธนาคารไปให้รวมเสียหายกว่า 3 ล้านบาท

หลังจากรู้จึงพยายามโทรกลับไปแต่ไม่มีคนรับสาย เลยตัดสินใจไลฟ์ในเพจเพื่อให้คนอื่นรู้มากที่สุด เพื่อให้โดนหลอก

ขณะนี้มีผู้เสียหายแล้ว 83 คน มูลค่าความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท

เนื้อหาในจดหมาย ระบุการดำเนินงานของตำรวจแต่ละฝ่ายมีลักษณะแตกต่างกัน และไม่สอดคล้องกัน ทำให้ล่าช้าในการติดตาม กลุ่มผู้เสียหาย จึงอยากขอความเห็นใจและความอนุเคราะห์จาก ผบ.ตร. กำชับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ปรับวิธีการทำงานเป็นแบบบูรณาการ เพื่อให้สอดคล้องกับรูปแบบคดี โดยเฉพาะขั้นตอนการออกหมายเรียกและหมายจับบัญชีรับจ้าง อยากให้จัดตั้งคณะทำงานพิเศษหรือหน่วยเฉพาะกิจเพื่อรับสืบสวนสอบสวนติดตามจับกุม เพื่อนำทรัพย์สินกลับคืนผู้เสียหายให้ได้มากที่สุด

อย่างไรก็ตามทาง บริษัท DHL ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก ระบุว่า ประกาศเตือนภัย มิจฉาชีพแอบอ้างชื่อ "DHL" หรือ "DHL Express" เพื่อหวังข้อมูลส่วนบุคคลหรือทรัพย์สิน บริษัทฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวและสงวนสิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้นำชื่อ เครื่องหมายการค้าไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตจากบริษัทฯ ก่อน ในกรณีที่พบการกระทำความผิด บริษัทฯ สงวนสิทธิในการดำเนินคดีตามกฎหมายต่อผู้กระทำผิดอย่างถึงที่สุด

รูปแบบที่มิจฉาชีพมักใช้เพื่อหลอกลวง

  • โทรมาแจ้งว่ามีพัสดุจัดส่ง โดยให้กดหมายเลขเพื่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
  • โทรมาแจ้งว่าพัสดุจากต่างประเทศติดศุลกากร และไม่สามารถจัดส่งได้ ต้องแอดไลน์ หรือโอนเงินเข้าบัญชีส่วนตัวเพื่อเคลียร์ของ
  • โทรมาแจ้งว่าคุณได้รับรางวัลและของอยู่ในระหว่างจัดส่ง แต่ต้องแจ้งข้อมูลส่วนบุคคล หรือชำระค่าภาษีนำเข้า โดยที่คุณเองไม่ได้มีประวัติการร่วมกิจกรรมในลักษณะดังกล่าวแต่อย่างใด
  • โทรเข้ามากล่าวหาว่าส่งของผิดกฎหมาย และหลอกให้โอนเงินเพื่อเคลียร์คดี หรือโอนสายให้เคลียร์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจทางโทรศัพท์
  • ส่งข้อความ SMS อ้างว่าเป็น DHL ชวนให้คลิกลิงค์ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพบนมือถือ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook